บริษัทด้านการวิเคราะห์บล็อกเชน อาร์แคม อินเทลลิเจนซ์(Arkham Intelligence) เปิดเผยว่า เทรดเดอร์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม ‘ต้องสงสัย’ บนแพลตฟอร์มไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid) ยังคงมีเงินราว ‘1 ล้านดอลลาร์’ ถูกล็อกอยู่ในระบบ
ตามรายงานที่อาร์แคม อินเทลลิเจนซ์เผยแพร่บน X (เดิมคือทวิตเตอร์) เมื่อวันที่ 26 เทรดเดอร์รายนี้พยายามหลีกเลี่ยงระบบชำระบัญชีของไฮเปอร์ลิควิดและใช้ความผันผวนของราคาเพื่อทำกำไร แต่สุดท้ายกลับต้องเผชิญกับการขาดทุนจำนวนมาก โดยเขาเปิดบัญชี 3 บัญชีภายในช่วงเวลา 5 นาที ตั้งสถานะ ‘ลอง’ มูลค่า 2.15 ล้านดอลลาร์ และ 1.9 ล้านดอลลาร์ รวมถึงตั้งสถานะ ‘ชอร์ต’ มูลค่า 4.1 ล้านดอลลาร์ จากนั้นพยายามชดเชยสถานะลองและใช้เลเวอเรจถอนเงินออกจากแพลตฟอร์ม
อย่างไรก็ตาม ราคาของโทเคนเจลลี(JELLY) กลับพุ่งขึ้น 400% ทำให้สถานะชอร์ตของเขาถูกชำระบัญชี บางส่วนของสถานะดังกล่าวถูกโอนไปยัง ‘Hyperliquid Liquidity Provider Vault’ (HLP) เพื่อลดความเสี่ยงด้านการชำระบัญชี เทรดเดอร์รายนี้จึงพยายามถอนหลักประกันจากสองบัญชีพร้อมกับทำกำไร แต่แพลตฟอร์มจำกัดกิจกรรมของบัญชี ทำให้สามารถ ‘ขาย’ ได้เพียงอย่างเดียว ท้ายที่สุดเขาต้องขายโทเคนในตลาดด้วยการขาดทุน
ไฮเปอร์ลิควิดปิดตลาดโทเคนเจลลีที่ราคา 0.0095 ดอลลาร์ ซึ่งเท่ากับราคาที่ใช้ตั้งสถานะชอร์ตของเทรดเดอร์ ส่งผลให้เขาไม่สามารถลดภาระหนี้สินตามที่คาดหวังได้ จากการวิเคราะห์ของอาร์แคมระบุว่า เทรดเดอร์สามารถถอนเงินออกจากแพลตฟอร์มได้ราว 6.26 ล้านดอลลาร์ แต่ยังเหลือเงินกว่า ‘1 ล้านดอลลาร์’ ที่ยังถูกแช่แข็งในบัญชี
หลังจากเหตุการณ์นี้ ไฮเปอร์ลิควิดประกาศถอดโทเคนเจลลีออกจากตลาดฟิวเจอร์ส เนื่องจากพบกิจกรรมที่ ‘น่าสงสัย’ ซึ่งเป็นแนวโน้มใหม่ที่เทรดเดอร์รายใหญ่พยายามควบคุมสภาพคล่องและบังคับให้มีการชำระบัญชี โดยเมื่อวันที่ 14 ที่ผ่านมา มีกรณีชำระบัญชี ‘อีเธอเรียม(ETH)’ ครั้งใหญ่ซึ่งทำให้สภาพคล่องของไฮเปอร์ลิควิดได้รับผลกระทบหนัก
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า วิธีการเทรดเชิงรุกลักษณะนี้อาจแพร่กระจายมากขึ้น และทำให้มีความพยายามบิดเบือนตลาดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 12 ที่ผ่านมา เมื่อมีวาฬนักลงทุนรายหนึ่งถูกบังคับชำระบัญชีสถานะลองมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ ‘HLP’ ขาดทุนกว่า ‘4 ล้านดอลลาร์’
ความคิดเห็น 0