ความขัดแย้งภายในที่เกิดขึ้นในระบบนิเวศของอีเธอเรียม(ETH)กำลังกลายเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลว่าอาจสั่นคลอนโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายในระยะยาว ล่าสุด แซนดีพ เนลวาล(Sandeep Nailwal) ผู้ร่วมก่อตั้งโพลิกอน(Polygon) ได้ออกมาแสดงความเห็นในบทสัมภาษณ์ว่า มีสมาชิกบางส่วนในชุมชนอีเธอเรียมที่เพิ่มแรงกดดันต่อมูลนิธิอีเธอเรียม ขณะที่ยังมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับโซลูชันการขยายตัวแบบเลเยอร์ 2 ซึ่งการเคลื่อนไหวเหล่านี้อาจ *คุกคามโครงสร้างความสามัคคีของสังคมอีเธอเรียม* ได้
เนลวาลกล่าวว่า “หากอีเธอเรียมไม่สามารถอยู่รอดได้ เครือข่ายเลเยอร์ 2 ทั้งหมดก็จะไม่สามารถอยู่รอดได้เช่นกัน” พร้อมเตือนว่าการให้ความสำคัญมากเกินไปกับราคาอาจบิดเบือนการตัดสินใจของนักพัฒนา และหากนักพัฒนาพร้อมด้วยมูลนิธิอีเธอเรียมต้องเผชิญแรงกดดันจากภายนอกมากเกินไป อาจทำลายจิตวิญญาณของชุมชนเครือข่ายที่เคยแข็งแกร่งลงได้
ด้านหนึ่ง เนลวาลยังชื่นชมบทบาทของวิตาลิก บูเตอริน(Vitalik Buterin) ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม โดยย้ำว่า “วิตาลิกเป็นเหมือน DNA ของอีเธอเรียม เขามีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมทิศทางและรวมตัวบุคลากรหัวกะทิในระบบนิเวศนี้เข้าด้วยกัน” พร้อมยกย่องการมองการณ์ไกลของบูเตอรินในฐานะที่ช่วยรักษาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวในระยะยาว
เนลวาลยังชี้ให้เห็นว่าการมองโครงสร้างของบล็อกเชนว่าเป็นการแข่งขันระหว่างเลเยอร์ 1 กับเลเยอร์ 2 เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยเขาระบุว่า ทั้งบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) เท่านั้นที่ทำหน้าที่เป็น ‘ชั้นการชำระธุรกรรมสุดท้าย’ (settlement layer) ขณะที่เครือข่ายอื่นๆ ทำงานในฐานะ ‘ชั้นการประมวลผล’ (execution layer) ซึ่งในอนาคต ดีแอปส่วนใหญ่จะทำงานบนเชนของตนเองแต่ยังต้องอาศัยเครือข่ายหลักอย่างอีเธอเรียมหรือบิตคอยน์ในการชำระธุรกรรมขั้นสุดท้าย
แม้กระนั้น นักวิเคราะห์บางรายกลับมองว่าเทคโนโลยีเลเยอร์ 2 กำลังส่งผลลบต่อรายได้ของเครือข่ายหลัก โดยข้อมูลเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ระบุว่า รายได้ของอีเธอเรียมชั้นแรก(L1) ลดลงเกือบ 99% สะท้อนถึงความท้าทายด้านรายได้ที่เกิดจากประสิทธิภาพของโซลูชันขยายตัว ซึ่งแม้ว่าจะลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม แต่ก็สร้างปัญหาทางเศรษฐกิจที่น่ากังวลในอีกมิติหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เนลวาลยังคงเชื่อมั่นว่า บิตคอยน์ยังไม่ใช่ภัยคุกคามที่แท้จริง หากยังไม่สามารถนำระบบสมาร์ตคอนแทรกต์มาใช้ในทางปฏิบัติได้ พร้อมกล่าวเสริมว่า “บิตคอยน์จะกลายเป็นคู่แข่งที่แท้จริงก็ต่อเมื่อสามารถพัฒนาระบบสคริปต์ให้ซับซ้อนและรองรับสมาร์ตคอนแทรกต์อย่างน่าเชื่อถือได้”
ท้ายที่สุด เนลวาลกล่าวย้ำถึงความสำคัญของ *ความไว้วางใจในสังคมและวัฒนธรรมการพัฒนาที่ยึดชุมชนเป็นศูนย์กลาง* ของอีเธอเรียม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินที่ล้ำค่า พร้อมเตือนว่า การวิพากษ์วิจารณ์เลเยอร์ 2 อย่างไม่สร้างสรรค์อาจบ่อนทำลายจิตวิญญาณนั้น พร้อมเรียกร้องให้เกิดการถกเถียงอย่างมีเหตุผลและมีมุมมองที่สมดุลต่อเทคโนโลยีขยายเครือข่ายในอนาคต
ความคิดเห็น 0