แม้จะเผชิญแรงกระแทกจากการล่มของตลาด แต่ ‘กระแสบัฟของเหรียญมีม’ ยังคงไม่แผ่วลงแต่อย่างใด หลังจากเหตุการณ์ที่รู้จักกันในชื่อ ‘LibraGate’ ทำให้ราคาทรุดลง และมูลค่าตลาดรวมของเหรียญมีมโดยรวมลดลงไปราว *60%* จากจุดสูงสุดในปี 2025 อย่างไรก็ตาม มีมคอยน์ยังคงครองมูลค่ารวมกว่า *47.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ 6.9 ล้านล้านวอน) ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าความคลั่งไคล้ในตลาดนี้ยังไม่จางหาย
แม้จะมีความผันผวนรุนแรงเป็นอุปสรรค แต่กลุ่มนักลงทุนก็ยังคงแห่กันซื้อขายเหรียญชื่อแปลกอย่าง ‘ผงตดยูนิคอร์น’ (Unicorn Fart Dust), ‘เหรียญตด’ (Fartcoin) และ ‘เหรียญก้น’ (Buttcoin) อย่างสนุกสนาน เพราะในโลกของ *มีมคอยน์* ไม่มีสูตรสำเร็จแบบตลาดการเงินแบบดั้งเดิม
ต่างจากบิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH) หรือโซลานา(SOL) ที่ได้รับความเชื่อถือในระยะยาว เหรียญมีมพึ่งพาองค์ประกอบอย่าง *อารมณ์ขัน*, *ไวรัลมีม* และ *ภาพลวงตาของการรวยเร็ว* เป็นหลัก แทบไม่มีใครคาดการณ์เส้นทางได้ และหลายโปรเจกต์ยังสามารถแตะมูลค่าตลาดระดับหลายพันล้านได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง โดยไม่มีทั้งไวต์เปเปอร์, โรดแมป หรือแม้แต่การตรวจสอบระบบความปลอดภัย
“ความคิดเห็น” มีมคอยน์ไม่ใช่สินทรัพย์ดิจิทัลในนิยามเดิมอีกต่อไป แต่มันคือการแปลง ‘พลังของคอมมูนิตี้’ ให้กลายเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ตัวอย่างเช่น โปรเจกต์ *ชิบะอินุ(SHIB)* ที่เริ่มต้นจากการเป็นคู่แข่งของ*โดจคอยน์(DOGE)* ปัจจุบันได้กลายเป็นโปรเจกต์ใหญ่ที่มีบล็อกเชนส่วนตัวและมูลค่าตลาดกว่า *9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ* ขณะที่ ‘เหรียญก้น’ เคยเป็นเพียงมีมบนยูทูปที่ล้อเลียนบิตคอยน์ แต่กำลังกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ผ่านการขับเคลื่อนจากคอมมูนิตี้
จุดเด่นของมีมคอยน์คือการ *เปิดโอกาสให้ทุกคน* ได้เข้าร่วมในระบบเศรษฐกิจใหม่ โดยไม่ต้องรับมือกับโครงสร้างยุ่งยากหรือข้อจำกัดทางกฎหมายแบบเดิม มันกลายเป็นสนามทดลองทางการเงินแบบ *ไร้ศูนย์กลาง* ที่เป็นสัญลักษณ์ของ *อนาธิปไตยทางดิจิทัล* ซึ่งมีแนวโน้มมอบผลตอบแทนได้มากกว่าสินทรัพย์ที่ดู ‘จริงจัง’ เสียอีก
ตลาดเหรียญมีมมีประวัติศาสตร์ยาวนานยิ่งกว่าที่หลายคนคาด เริ่มตั้งแต่ปี 2013 เมื่อ *โดจคอยน์* ถือกำเนิดขึ้นในฐานะ ‘เหรียญแกล้งเล่น’ แต่หลังจากนั้น ตลาดก็เต็มไปด้วยเหรียญแนวแปลกประหลาดอย่าง *บองค์(BONK)*, เหรียญตด และผงตดยูนิคอร์นที่สร้างผลตอบแทนเหนือความคาดหมาย
แม้เหตุการณ์ดิ่งหนักล่าสุดจะสะกิดเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้มีมคอยน์ล่มสลายแต่อย่างใด เหรียญที่มีฐานแฟนเหนียวแน่นและมีมที่ยังคงเป็นไวรัล ยังคง *มีชีวิตอยู่* อย่างแข็งแกร่ง ยกตัวอย่าง โดจคอยน์ที่ถูกนำไปใช้จริงในบริษัทใหญ่ทั้ง เทสลา(TSLA), เอเอ็มซี(AMC) และเกมสต็อป ขณะที่ชิบะอินุยังสามารถใช้ซื้อสินค้าในร้านดังอย่าง กุชชี่, นอร์ดสตรอม และโฮลฟู้ดส์ รวมถึงยังขยายไปสู่ระบบนิเวศของเกมอีกด้วย
"ความคิดเห็น" มีมคอยน์สะท้อนอารมณ์ร่วมของยุคอินเทอร์เน็ต, ความเบื่อหน่ายในระบบการเงินดั้งเดิม และทัศนคติใหม่ที่มองว่า ‘ความสนุกก็เป็นทรัพย์สินได้’
แม้เหรียญมีมจะไม่เคยถูกมองว่า ‘ซีเรียส’ แต่มันก็ยัง *ไม่เคยหายไป* เช่นกัน นักลงทุนรู้ดีว่า ถึงตลาดจะยังไม่เข้าสู่ช่วงบูมรอบใหม่ แต่คลื่นลูกต่อไปอาจกำลังก่อตัวอยู่ในห้องแชต Telegram อันไกลโพ้นแล้วก็เป็นได้
ความคิดเห็น 0