ก่อนการประกาศนโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์ในวันที่ 2 เมษายน ตลาดบิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญกับภาวะ ‘ไม่แน่นอน’ อย่างมาก ขณะที่นักลงทุนส่วนหนึ่งยังคงคึกคักกับการไหลเข้าของเงินทุนในกองทุน ETF ของสหรัฐต่อเนื่องเป็นวันที่ 9 แต่อีกด้านหนึ่ง ปัจจัยต้นทุนของการขุดและตัวชี้วัดเครือข่ายก็กำลังกดดันตลาดอย่างชัดเจน
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม มีรายงานว่า เงินทุนกว่า 120 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,300 ล้านบาท) ไหลเข้าสู่กองทุน ETF บิตคอยน์หลัก ซึ่งช่วยส่งสัญญาณฟื้นตัวของสินทรัพย์ *ความคิดเห็น: แสดงให้เห็นว่านักลงทุนบางส่วนกำลังมองหาการป้องกันความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกโดยใช้บิตคอยน์* อย่างไรก็ตาม ต้นทุนเฉลี่ยในการขุดบิตคอยน์หนึ่งเหรียญพุ่งสูงถึง 87,000 ดอลลาร์ (ราว 2.9 ล้านบาท) ในขณะที่ ‘แฮชเรต’ ของเครือข่ายก็ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 850 EH/s ซึ่งหมายความว่าแรงจูงใจต่อผู้ขุดลดลง ขณะที่แรงกดดันทางเศรษฐกิจในระบบกลับเพิ่มขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดมองว่า นโยบายภาษีของทรัมป์อาจเพิ่มแรงดันด้านเงินเฟ้อและราคาน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อตลาดคริปโต หากทรัมป์เดินหน้านโยบายกีดกันทางการค้าและเรียกคืนมาตรการภาษี อาจกระตุ้นให้จิตวิทยาหลีกเลี่ยงความเสี่ยงแพร่กระจายไปยังตลาดสินทรัพย์ และทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง เช่น บิตคอยน์ ในระยะสั้น
ในทางกลับกัน บางฝ่ายชี้ว่าอาจเกิด ‘ทฤษฎีทรัมป์รีเฟลชั่น’ ขึ้นอีกครั้ง หากประธานาธิบดีทรัมป์ผลักดันนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาวก็อาจกลายเป็นปัจจัยบวกต่อบิตคอยน์ แต่ในระยะสั้นนั้น ตลาดอาจผันผวนอย่างมากหลังคำประกาศภาษีของทรัมป์
สถานการณ์ขณะนี้ทำให้นักลงทุนทั้งฝั่ง ETF, นักขุด และนักลงทุนรายย่อย ต่างชะลอการตัดสินใจและรอคอยสัญญาณเชิงนโยบายจากทำเนียบขาว นโยบายภาษีในวันที่ 2 เมษายนนี้จึงมีแนวโน้มทำให้ตลาดบิตคอยน์เผชิญแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่แน่นอน
ความคิดเห็น 0