การกลับมาดำรงตำแหน่งของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* กำลังเปลี่ยนโฉมภูมิทัศน์ทางการเมืองของสหรัฐอีกครั้ง และได้จุดกระแสความคาดหวังด้าน ‘ขาขึ้น’ ของริปเปิล(XRP) ให้กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง โดยธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจากสหราชอาณาจักรประเมินในรายงานล่าสุดว่า ราคาของ XRP อาจพุ่งขึ้นไปถึง *5.5 ดอลลาร์* ภายในสิ้นปีนี้ และแตะระดับสูงสุดที่ *12.5 ดอลลาร์* ก่อนสิ้นสุดวาระของทรัมป์ ซึ่งเทียบกับราคาปัจจุบันถือว่ามีอัพไซด์เกือบ *500%*
สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดยังเน้นว่า ความคึกคักของ XRP หลังผลการเลือกตั้งของทรัมป์อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยมีทั้งความเป็นไปได้ในการอนุมัติ *ETF (กองทุนรวมดัชนี)* สำหรับ XRP และการปรับนโยบายภายใต้การนำของพรรครีพับลิกัน ซึ่งอาจกลายเป็น ‘ตัวเร่ง’ ที่ทรงพลัง ล่าสุดบริษัทจัดการสินทรัพย์อย่าง *Teucrium* ได้เปิดตัว ETF ที่อิงกับ XRP เป็นครั้งแรกในสหรัฐแล้ว ขณะที่ยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ อย่างเกรย์สเกล, บิทไวซ์, 21Shares และแฟรงคลิน เทมเพิลตันต่างก็เร่งยื่นขอจัดตั้งสปอต ETF เช่นกัน
ทรัมป์เองก็ได้แสดงจุดยืนชัดเจนในการสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตตั้งแต่วันแรกของการดำรงตำแหน่ง เขาได้ประกาศว่าจะผลักดันให้สหรัฐกลายเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน และเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยังได้เปิดแผนยุทธศาสตร์การสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลระดับชาติ โดยมี *บิตคอยน์(BTC)* เป็นสินทรัพย์เป้าหมายอันดับแรก แม้ว่า XRP จะไม่ได้ถูกบรรจุในคำสั่งฝ่ายบริหารชุดแรก แต่ราคาก็จัดว่า ‘ดีดแรง’ ทันทีภายหลังประกาศดังกล่าว สะท้อนความคาดหวังของตลาด
ในด้านของเทคนิคการวิเคราะห์ *จาวอน มาร์กส(Javon Marks)* นักวิเคราะห์ด้านคริปโต มองว่า ดัชนีชี้แนวโน้ม MACD ของ XRP กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนทิศสำคัญ และคาดว่า XRP มีโอกาสดีดตัวกลับไปที่ระดับ *3.3 ดอลลาร์* ขึ้นไปอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม *อาลี มาร์ติเนซ* นักวิเคราะห์อีกคน ออกมาเตือนว่า หาก XRP ร่วงทะลุแนวรับหลักที่ *2 ดอลลาร์* ก็อาจมีความเสี่ยงดิ่งต่อถึง *1.3 ดอลลาร์*
ทั้งนี้ หาก XRP จะไต่ราคาไปแตะ *12.5 ดอลลาร์* จริง มูลค่าตลาดโดยรวมต้องพุ่งขึ้นถึงประมาณ *7,000 พันล้านดอลลาร์* หรือราว *1,022 ล้านล้านวอน* ซึ่งเท่ากับจะต้องขยายตัวจากปัจจุบันที่อยู่ที่ประมาณ *1,050 พันล้านดอลลาร์* ถึงกว่า *7 เท่า* ระดับดังกล่าวเคยทำได้เฉพาะ *บิตคอยน์* เท่านั้น ทำให้หลายฝ่ายยังคงแสดงความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ดังกล่าว
กระนั้นก็ตาม ด้วยบทบาทของการเมืองและภาครัฐที่กลายมาเป็น ‘ตัวแปรหลัก’ ของราคาคริปโตในยุคนี้ ทิศทางนโยบายจากทรัมป์ และความคืบหน้าในการรับรอง XRP ในระดับกฎหมาย จึงเป็นปัจจัยชี้ขาดที่อาจกำหนดอนาคตของโทเค็นตัวนี้ได้อย่างแท้จริง
ความคิดเห็น 0