ตลาดการเงินโลกกำลังเผชิญกับความผันผวนอย่างรุนแรง จากการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจหลายรายเตือนว่าอาจเกิดวิกฤตซ้ำรอย 'แบล็กมันเดย์' ปี 1987 ได้ ขณะเดียวกัน ตลาดคริปโตก็ไม่รอดพ้นจากแรงกดดัน โดยมูลค่ารวมตลาดได้หายไปราว 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 730 ล้านล้านวอน) ส่งผลให้ราคา *บิตคอยน์(BTC)* และคริปโตหลักอื่นๆ ร่วงลงแรง
เมื่อวันที่ 9 ตามเวลาท้องถิ่น ฟิวเจอร์สดัชนี *ดาวโจนส์* เปิดตลาดร่วงลงกว่า 1.9% ขณะที่ *S&P 500* และ *แนสแด็ก* ก็ปรับลดลงมากกว่า 2% เช่นกัน ด้านพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นถึงระดับ 4.4% ขณะที่พันธบัตรอายุ 30 ปี แตะระดับสูงกว่า 5% สะท้อนความกังวลในตลาดตราสารหนี้ โดยความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ และการขึ้นภาษีรอบใหม่ของทรัมป์กำลังซ้ำเติมสถานการณ์ให้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนที่สะสมจนพุ่งเกิน 100% และคาดว่าจะกระทบต่อมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศอย่างมาก
ท่ามกลางความไม่มั่นคงนี้ จีนถูกเปิดเผยว่าขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 73 ล้านล้านวอน) และกำลังเพิ่มการถือครองทองคำ เดินหน้าแนวทางลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐอย่างจริงจัง ด้าน *โกลด์แมน แซคส์* เตือนว่าการไหลออกของเงินทุนต่างชาติกำลังลดทอนความน่าสนใจของสินทรัพย์สหรัฐฯ และอาจสร้างคลื่นกระเพื่อมต่อค่าเงินดอลลาร์ในตลาดทั่วโลก
*ปีเตอร์ ชิฟ(Peter Schiff)* นักวิเคราะห์เศรษฐกิจสายขาลงชื่อดังกล่าวว่า ตลาดพันธบัตรกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤต และหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ไม่รีบลดดอกเบี้ยหรือใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินขนาดใหญ่ภายในวันถัดไป ตลาดอาจเผชิญการร่วงเหมือนปี 1987 เขาเสริมว่า การผลักดันนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ Fed ลดดอกเบี้ย แต่กลับสร้างแรงกดดันให้เกิดการเทขายพันธบัตรและดันดอกเบี้ยขึ้นสวนทาง “นี่อาจนำไปสู่วิกฤตรุนแรงยิ่งกว่าปี 2008” ความคิดเห็นโดยชิฟ
ด้าน *อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes)* ผู้ร่วมก่อตั้งบิทเม็กซ์กล่าวว่า ดัชนีความผันผวนในตลาดพันธบัตร (MOVE Index) พุ่งขึ้นแตะ 139.88 สะท้อนถึงแรงกดดันมหาศาล และเป็นสัญญาณว่า Fed จำเป็นต้องเข้ามาแทรกแซงอย่างเร่งด่วน ขณะที่ *ZeroHedge* รายงานด้วยว่า กลยุทธ์ basis trade มูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ที่ Fed มีบทบาทส่งเสริมตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา กำลังพังทลายลงอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางวิกฤต ยังมีการคาดการณ์ว่า Fed อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคม โดยข้อมูลจากตลาดฟิวเจอร์สดอกเบี้ยบ่งชี้ว่าโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยได้พุ่งขึ้นจาก 10.6% ไปสู่ 58.9% ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ หากการลดดอกเบี้ยเกิดขึ้นจริง ความเห็นของนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าจะจุดชนวนให้เกิด ‘วัฏจักรสภาพคล่องรอบใหม่’ ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดคริปโต นำโดย *บิตคอยน์(BTC)* กลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม หาก Fed ตัดสินใจ ‘ไม่ลด’ ดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด ก็อาจสร้างแรงกระแทกต่อทั้งตลาดหุ้นและสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีบางฝ่ายออกมาเตือนว่า บิตคอยนอาจย่อตัวลงสู่ระดับต้นๆ ของช่วง 70,000 ดอลลาร์ในระยะสั้น
ขณะนี้ราคาบิตคอยน์ทรงตัวอยู่ที่ 76,367 ดอลลาร์ ลดลงมากกว่า 3% ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา *อีเธอเรียม(ETH)* ร่วงลงกว่า 7% ขณะที่ *ริปเปิล(XRP)*, *โซลานา(SOL)* และ *คาร์ดาโน(ADA)* ประสบภาวะขาลงระหว่าง 3-5% รวมมูลค่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ที่ 2.51 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,660 ล้านล้านวอน) ลดลงมากกว่า 5% ภายในวันเดียว
สถานการณ์ในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อน ‘ผลกระทบของนโยบายทรัมป์ต่อทั้งตลาดการเงินและตลาดคริปโต’ ได้อย่างชัดเจน
ความคิดเห็น 0