ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการขายบิตคอยน์(BTC)ครั้งใหญ่จากบริษัทด้านกลยุทธ์ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ กำลังเพิ่มสูงขึ้น หลังจากรายงานล่าสุดที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ(SEC)มีข้อความที่อาจสื่อถึงการจำเป็นต้องขายบิตคอยน์หากเผชิญสภาพแวดล้อมด้านการเงินที่ย่ำแย่ ข้อความดังกล่าวทำให้เกิดการตีความจากนักลงทุนว่าเป็น ‘ความไม่มั่นคง’ ทางธุรกิจ ส่งผลให้ตลาดเกิดความตึงเครียดในทันที
บริษัทดังกล่าวถือครองบิตคอยน์อยู่ราว 528,000 BTC ซึ่งมีมูลค่าประเมินมากกว่า 6.3 ล้านล้านวอน ถือเป็นการถือครองสินทรัพย์คริปโตในระดับองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลก การเข้าถือครองเหล่านี้เป็นผลจากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่ารวมประมาณ 1 ล้านล้านวอน แม้จะช่วยให้สามารถระดมทุนได้ในระยะสั้น แต่โครงสร้างการถือครองแบบนี้ก็มีความเสี่ยงเมื่อเผชิญกับความผันผวนของราคาตลาด
อย่างไรก็ตาม มีฝ่ายที่แสดงความเห็นว่า ‘ข้อความ’ ในรายงานดังกล่าวไม่ใช่ประเด็นใหม่ แต่เป็นเพียงการเปิดเผยความเสี่ยงทั่วไปที่มีมาแล้วในรายงานรายไตรมาสก่อนหน้านี้หลายครั้ง จึงชี้ว่า *โอกาสที่บริษัทจะขายบิตคอยน์จริงยังคงต่ำ* อีกทั้งหุ้นกู้แปลงสภาพส่วนมากยังไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และไม่ได้มีเงื่อนไขการบังคับขายหรือถูกเรียกเงินคืนแต่อย่างใด
ทางด้านบริษัทวิจัยตลาดคริปโตอย่างคริปโตควอนต์(CryptoQuant) โดยคี ยองจู ซีอีโอ ระบุเมื่อปลายปีที่ผ่านมาไว้ว่า “สถานการณ์ที่บริษัทต้องขายบิตคอยน์ในระยะสั้นนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นต่ำมาก” โดยเฉลี่ยบริษัทซื้อบิตคอยน์ไว้ที่ราคา 67,458 ดอลลาร์ต่อ BTC และเมื่อเทียบกับหนี้สินรวม 700 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.02 ล้านล้านวอน ยังถือว่ามูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถือครองอยู่กว่า 4.6 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 6.7 ล้านล้านวอน ยังมีช่องว่างความปลอดภัยสูง ความเห็นเพิ่มเติมคือ BTC ที่ถืออยู่ไม่ได้ถูกใช้เป็นหลักประกันใด ๆ จึงไม่มีความเสี่ยงต่อการถูกบังคับขายทันที
แต่ความกังวลก็ยังคงอยู่ หากบริษัทไม่สามารถระดมทุนด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนต่อไปได้ หรือหากธุรกิจหลักอย่างซอฟต์แวร์ยังคงมีรายได้ซบเซาในระยะยาว ความกดดันทางการเงินอาจทวีความรุนแรงขึ้น อีกทั้งถ้าสภาพเศรษฐกิจโลกแย่ลงรวดเร็ว *ความเสี่ยงทางธุรกิจที่เคยมองว่าเป็นแค่ทฤษฎี* ก็อาจกลายเป็นความจริงได้
สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อไม่นานมานี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศ “ระงับการขึ้นภาษีเป็นเวลา 90 วัน” ซึ่งสร้างแรงกระตุ้นเชิงบวกให้กับตลาดอย่างชัดเจน บิตคอยน์พุ่งขึ้นทันที 8.9% มาแตะระดับ 82,000 ดอลลาร์ และราคาหุ้นของบริษัทด้านกลยุทธ์ก็พุ่งขึ้นถึง 24% ภายในวันเดียว เป็นสัญญาณชัดว่าท่าทีด้านนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ยังมี ‘อิทธิพล’ อย่างมากต่อความเชื่อมั่นในตลาดคริปโต
แนวโน้มในอนาคตของบริษัทด้านกลยุทธ์นี้ รวมถึงทิศทางของตลาดบิตคอยน์ จะยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นักลงทุนจับตามอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ *ท่าทีที่เป็นมิตรต่อคริปโตของประธานาธิบดีทรัมป์* และนโยบายเฉพาะด้าน อาจกลับกลายเป็นปัจจัยที่สร้างเสถียรภาพในตลาดในระยะสั้น สถานการณ์ในตอนนี้จึงเต็มไปด้วย ‘ความคาดหวังและความระมัดระวัง’ ที่ดำเนินไปพร้อมกัน
ความคิดเห็น 0