แม้ว่าตลาดคริปโตจะดีดตัวขึ้นในระยะสั้นหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเลื่อนการจัดเก็บภาษีนำเข้าออกไป 90 วัน แต่ ‘บิตคอยน์(BTC)’ และ ‘อีเธอเรียม(ETH)’ ในรูปแบบกองทุน ETF ยังคงเผชิญกับกระแส *เงินทุนไหลออกอย่างต่อเนื่อง* ซึ่งนับว่าเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม กองทุน ETF ของบิตคอยน์ที่จดทะเบียนในสหรัฐเริ่มมีการถอนเงินทุนออกอย่างต่อเนื่อง โดยยอดรวมของเงินที่ไหลออกจนถึงขณะนี้สูงกว่า 1.03 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 1.5 ล้านล้านวอน ทั้งนี้ในวันที่ 2 เมษายน มีการไหลเข้าของเงินทุนกลับมาเพียงครั้งเดียวอยู่ที่ประมาณ 218 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.2 แสนล้านวอน) ซึ่งเชื่อว่ามาจากความหวังต่อประกาศของทรัมป์เรื่องการเลื่อนภาษีในวัน ‘เสรีภาพ’ อย่างไรก็ตาม กระแสนี้กลับพลิกกลับลงอีกครั้ง โดยเฉพาะในวันที่ 9 เมษายน ที่มีเงินทุนไหลออกถึง 127.2 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.86 แสนล้านวอน) จากรายงานพบว่า การไหลออกส่วนใหญ่มาจาก iShares บิตคอยน์ทรัสต์ (IBIT) ของแบล็คร็อก มูลค่า 89.7 ล้านดอลลาร์ และ Grayscale (GBTC) ที่ 33.8 ล้านดอลลาร์
ในด้านของ *อีเธอเรียม ETF* ก็เผชิญกับสถานการณ์คล้ายกัน โดยตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน มีเงินทุนไหลออกจากอีเธอเรียม ETF รวมกันประมาณ 73 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.06 แสนล้านวอน) โดยในวันเดียวคือ 9 เมษายน เงินทุนหายไปกว่า 11.2 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.6 หมื่นล้านวอน) กองทุนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ FETH ของฟิเดลิตี ที่ไหลออก 5.7 ล้านดอลลาร์ และ ETHA ของแบล็คร็อกอีก 5.5 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบันยังไม่มีกองทุนอีเธอเรียมใดรายงานกระแสเงินเข้าในเชิงบวก
ด้านผู้เชี่ยวชาญมองว่า ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนยังคงเป็นตัวผลักให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากกองทุน ETF ไปสู่สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงขึ้น โดย *ความคิดเห็น* ระบุว่า หากแนวโน้มนี้ยังคงอยู่ การฟื้นตัวของเม็ดเงินลงทุนจากสถาบันในตลาด ETF อาจใช้เวลานานและต้องอาศัยปัจจัยชี้นำเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี ตลาดคริปโตในรูปแบบ ‘สปอต (spot)’ กลับแสดงทิศทางเชิงบวก โดยบิตคอยน์ปรับตัวขึ้นกว่า 7% มาแตะ 81,964 ดอลลาร์ ส่วนอีเธอเรียมขยับขึ้นราว 8% มาใกล้ระดับ 1,600 ดอลลาร์ การปรับตัวของราคาในครั้งนี้อาจสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อท่าทีเชิงบวกของทรัมป์เกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศ
นักวิเคราะห์ตลาดเตือนว่า แม้การประกาศเลื่อนภาษีของทรัมป์จะสร้างแรงหนุนในระยะสั้นต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัล แต่หากกระแสเงินไหลออกจาก ETF ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ก็อาจชะลอการฟื้นตัวเต็มรูปแบบของเงินทุนจากนักลงทุนสถาบัน ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองคือแนวทางนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ในระยะถัดไป ซึ่งอาจเป็น *ตัวแปรหลัก* ที่ทำให้ทิศทางของตลาดคริปโตในภาค ETF พลิกผันได้อีกครั้ง
ความคิดเห็น 0