บริษัทการลงทุนระดับโลก *แวนเอ็ก* แสดงความเห็นว่าจีนและรัสเซียกำลังใช้ *บิตคอยน์(BTC)* เป็นหนึ่งในวิธีชำระเงินสำหรับการค้าพลังงาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการลดการพึ่งพา *ดอลลาร์สหรัฐ* และการเกิดขึ้นของบิตคอยน์ในฐานะตัวเลือกใหม่ของระบบการเงินโลก
เมื่อวันที่ 8 (เวลาท้องถิ่น) แมทธิว ซีเกล(Matthew Sigel) หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของแวนเอ็ก เขียนในบล็อกว่า “จีนและรัสเซียเริ่มใช้ *บิตคอยน์* และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ในการชำระเงินสำหรับธุรกรรมด้านพลังงาน ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นว่าคริปโตเคอร์เรนซีเริ่มก้าวข้ามสถานะสินทรัพย์เพื่อเก็งกำไร และมีบทบาทจริงในภาคการเงินโลก” ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในบริบทที่หลายประเทศพยายามแยกตัวออกจากระบบการเงินที่นำโดยสหรัฐฯ
ซีเกลยังกล่าวถึงกรณี บลิเวียที่มีแผนนำเข้าพลังงานโดยใช้คริปโตเคอร์เรนซี รวมถึงข้อเสนอของบริษัทไฟฟ้าแห่งชาติฝรั่งเศส EDF ที่จะนำพลังงานส่วนเกินมาใช้ในการขุดบิตคอยน์ ซึ่งล้วนเป็นตัวอย่างของประเทศที่ขยับห่างจากการใช้ดอลลาร์ พร้อมเสริมว่า “*บิตคอยน์กำลังได้รับความสนใจในฐานะทางเลือกเพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพาสกุลเงินหลักของโลก*”
ความเห็นของแวนเอ็กถูกจับตามองมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ *ทรัมป์* เดินหน้าทำสงครามการค้า ซึ่งเริ่มส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยแวนเอ็กประเมินว่าสภาวะดอกเบี้ยที่อ่อนตัวของธนาคารกลางสหรัฐและการเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องในตลาด สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเติบโตของบิตคอยน์ โดยดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (DXY) ร่วงลงมากกว่า 7% นับตั้งแต่ต้นปี มาอยู่ที่ระดับประมาณ 102.5
ด้านแม็ต โฮแกน(Matt Hougan) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนของ *บิตไวส์(Bitwise)* ก็ถือทัศนะคล้ายกัน โดยเขียนในบล็อกส่วนตัวว่า “รัฐบาลทรัมป์อาจยอมลดบทบาทของดอลลาร์ในระบบการเงินโลก และหันไปสนับสนุนระบบเงินสำรองแบบพหุศูนย์ ที่มีทั้งทองคำและบิตคอยน์เป็นแกนกลาง” *ความคิดเห็น* ดังกล่าวเสริมว่าการเปลี่ยนผ่านนี้อาจกลายเป็นหนึ่งในนิยามของยุคใหม่ด้านการเงิน
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศก็เริ่มเห็นพ้องในทิศทางเดียวกัน โดยเจน โฟลีย์(Jane Foley) หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนจาก *แรโบแบงก์(Rabobank)* กล่าวว่า “แม้ว่า *ทรัมป์* จะขู่เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากประเทศที่พยายามเลิกใช้ดอลลาร์ แต่ในทางปฏิบัติ นโยบายกีดกันทางการค้าของเขากลับเร่งให้หลายชาติลดการพึ่งพาดอลลาร์ลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ในสภาพแวดล้อมที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่าง *จีน-สหรัฐ* และ *รัสเซีย-สหรัฐ* ยังคงยืดเยื้อ การที่คริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะบิตคอยน์ เริ่มถูกนำมาใช้จริงในเวทีโลก อาจส่งผลให้บิตคอยน์ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในแกนหลักของระบบการเงินใหม่ และเป็นทางออกให้กับภาวะกดดันทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้นทั่วโลก
ความคิดเห็น 0