Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

เปิดตัว ColliderVM จุดเปลี่ยนสมาร์ตคอนแทรกต์บนบิตคอยน์(BTC) เสริมพลัง STARKs ลดภาระประมวลผล 10,000 เท่า

Fri, 11 Apr 2025, 20:18 pm UTC

เปิดตัว ColliderVM จุดเปลี่ยนสมาร์ตคอนแทรกต์บนบิตคอยน์(BTC) เสริมพลัง STARKs ลดภาระประมวลผล 10,000 เท่า / Tokenpost

โอกาสใหม่ของ ‘สมาร์ตคอนแทรกต์’ บนบิตคอยน์(BTC) กำลังเกิดขึ้นหลังจากทีมวิจัยร่วมระหว่างบริษัท StarkWare และสถาบันวิจัยไวส์แมนได้เปิดตัวระบบใหม่ชื่อ ‘ColliderVM’ ซึ่งช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของระบบสคริปต์ในเครือข่ายบิตคอยน์ และเปิดทางให้สามารถตรวจสอบการประมวลผลที่ซับซ้อนบนเครือข่ายได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพด้านทุนมากขึ้น

ColliderVM คือโปรโตคอลที่ออกแบบมาเพื่อเก็บรักษาสถานะของข้อมูลและสามารถดำเนินการคำนวณข้ามธุรกรรมหลายรายการ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาเรื่องการไม่มีสถานะ (stateless) ของระบบสคริปต์แบบเดิม สมรรถนะที่โดดเด่นคือสามารถยืนยันผลของการคำนวณนอกรอบ (off-chain) โดยใช้ข้อมูลขั้นต่ำบนเครือข่ายแบบออนเชน (on-chain) เท่านั้น ซึ่งจะเปิดโอกาสให้มีการใช้เทคนิค *STARKs* (Scalable Transparent Arguments of Knowledge) บนบิตคอยน์ได้จริง

ระบบเดิมของบิตคอยน์มีข้อจำกัดด้านเทคนิค เช่น จำกัดข้อมูล 1,000 รายการต่อธุรกรรม และไม่เกิน 4 ล้านชุดรหัสคำสั่งต่อบล็อก ทำให้การรัน ‘สมาร์ตคอนแทรกต์’ แบบเดียวกับบนอีเธอเรียม(ETH) เป็นไปได้ยาก แม้ในอดีต BitVM โดยโรบิน ลินุส(Robin Linus) จะเปิดทางถึงระดับหนึ่ง แต่ยังคงต้องพึ่งระบบพิสูจน์การฉ้อโกง (fraud proofs) ซึ่งต้องวางเงินประกันล่วงหน้า

ColliderVM เสนอวิธีที่แตกต่างโดยไม่ใช้วิธีการลงลายมือชื่อด้วยภาระประมวลผลสูงอย่าง Lamport หรือ Winternitz แต่เลือกใช้โครงสร้างแบบ ‘การท้าทายโดยใช้การชนของแฮช’ (commitment with hash collision) ที่ลดภาระการคำนวณของผู้ใช้งานปกติ และโยนภาระไปยังผู้ไม่ประสงค์ดีแทน

ทีมวิจัยอ้างว่า ColliderVM สามารถลดภาระการคำนวณของแฮชลงได้มากกว่า 10,000 เท่าเมื่อเทียบกับ BitVM และสคริปต์ที่จะรองรับการพิสูจน์ STARKs ก็ใกล้เคียงกับระดับที่สามารถใช้งานได้จริงภายใต้ขอบเขตที่เครือข่ายบิตคอยน์กำหนดไว้ *ความคิดเห็น*: นี่อาจเป็นก้าวแรกที่ทำให้แนวคิดของ ZK-증명 บนเครือข่ายบิตคอยน์เกิดขึ้นได้จริง

STARKs มีจุดเด่นตรงที่ไม่จำเป็นต้องใช้การตั้งค่าเริ่มต้นแบบพึ่งพาความเชื่อใจ (trusted setup) และไม่มีความเสี่ยงจากสิ่งที่เรียกว่า “ยูทอกซ์ิกเวสต์” หรือข้อมูลหลงเหลือที่อาจก่อให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ซึ่งถือว่าเหนือกว่าซีโร่-โนวเลดจ์โซลูชันรุ่นเก่าอย่างมาก

ผู้นำการวิจัยในโครงการนี้คือ เอลี เบน-ซัสซอน(Eli Ben-Sasson) ผู้ร่วมก่อตั้ง StarkWare เขาย้ำว่าเลเยอร์ 2 ที่ดีของบิตคอยน์ต้องปลอดภัยไม่ต่างจากตัวเครือข่ายหลัก และเตือนว่าโซลูชันปัจจุบันหลายอย่างยังคงมีจุดพึ่งพาความเชื่อใจอยู่

แม้ในปัจจุบันจะมีการใช้ไซด์เชนของบิตคอยน์ เช่น ลิควิด(Liquid) จากบล็อกสตรีม(Blockstream) แต่โครงสร้างนั้นไม่ใช่ระบบ *trustless* อย่างแท้จริง เช่นเดียวกับ ColliderVM ที่ยังต้องอาศัยความเป็น ‘ผู้เล่นที่ซื่อสัตย์’ จึงจัดอยู่ในหมวด ‘ลดการพึ่งพาเชื่อใจ’ มากกว่าจะเป็น ‘ไร้เชื่อใจ’ อย่างแท้จริง

อุตสาหกรรมเชื่อว่า ColliderVM อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้บิตคอยน์กลายเป็นฐานรากของระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ที่แท้จริง ทั้งยังเป็นแนวทางที่สมดุลระหว่างอิสระของสมาร์ตคอนแทรกต์กับความระมัดระวังของปรัชญาการออกแบบดั้งเดิมของบิตคอยน์อีกด้วย

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1