ตลาดคริปโตจับตาความเคลื่อนไหว หลังจากรายงานการถือครอง ‘บิตคอยน์(BTC)’ และทรัพย์สินดิจิทัลของหน่วยงานรัฐภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ถูกเลื่อนการประกาศออกไป ส่งผลให้เกิดความสนใจและการคาดการณ์อย่างกว้างขวางในแวดวงการเงินคริปโต
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารชื่อว่า “การสำรองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์และการจัดตั้งคลังสินทรัพย์ดิจิทัล” ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ทุกแห่ง ต้องรายงานปริมาณบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีที่ถือครองต่อกระทรวงการคลังภายใน 30 วัน แต่จนถึงวันที่ 5 เมษายน ซึ่งเป็นวันครบกำหนด กลับยังไม่มีการเปิดเผยรายงานแต่อย่างใด
สาระสำคัญของคำสั่งนี้ คือการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลที่ยึดได้จากคดีอาญาและคดีแพ่ง เช่น บิตคอยน์, ริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL) และคาร์ดาโน(ADA) เพื่อจัดตั้งคลังสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลเชิงกลยุทธ์ 2 แห่ง ทั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีมาตรการรวมศูนย์ข้อมูลการถือครองคริปโตของหน่วยงานต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ
ข้อมูลจากเว็บไซต์ BitcoinTreasury ณ วันที่ 1 เมษายน ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครองบิตคอยน์ประมาณ 198,012 BTC หรือคำนวณเป็นมูลค่าราว 16.8 พันล้านดอลลาร์ ด้าน เดวิด แซ็กส์(David Sacks) ที่ปรึกษาคริปโตประจำทำเนียบขาว เคยให้ความเห็นเมื่อเดือนมีนาคมว่าปริมาณรวมอาจสูงถึง 200,000 BTC อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการตรวจสอบหรือรายงานอย่างเป็นทางการ
แม้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์จะสามารถกำหนดกลยุทธ์เพื่อเพิ่มการถือครองบิตคอยน์ได้ แต่คำสั่งบริหารฉบับนี้ระบุอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีการซื้อเพิ่มนอกเหนือจากทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้แล้ว
รัสลัน ลิเอนกา(Ruslan Lienka) หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ YouHodler กล่าวใน *ความคิดเห็น* ว่า “เหรียญมีมที่เกี่ยวข้องกับการเมือง เช่น MAGA หรือ โดจคอยน์(DOGE) อาจมีความผันผวนเพิ่มขึ้นตามกระแสข่าวจากฝั่งรัฐบาล”
ขณะเดียวกัน นโยบายการค้าระหว่างประเทศที่แข็งกร้าวของทรัมป์ โดยเฉพาะมาตรการภาษี โครงสร้างภาษีศุลกากรทั่วโลก ยังคงเป็นแรงกดดันต่อตลาดคริปโต โดยหลังจากดีดตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันที่ 1 เมษายน มูลค่าตลาดคริปโตทั้งหมดกลับลดลง 7% ภายในหนึ่งสัปดาห์ เหลือ 2.76 ล้านล้านดอลลาร์
ตลาดกำลังจับตาการเปิดเผยรายงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มของสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะถัดไป
ความคิดเห็น 0