บิตคอยน์(BTC) พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงจากระดับ 75,000 ดอลลาร์สหรัฐไปแตะ 85,500 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ *บรรยากาศการลงทุนในตลาดคริปโตกลับมาคึกคักอีกครั้ง* โดยนักวิเคราะห์มองว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ราคาฟื้นตัวคือการที่สหรัฐประกาศ *เลื่อนการเก็บภาษีสินค้าจีนออกไป 90 วัน* ซึ่งช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าและสนับสนุนบรรยากาศการลงทุนทั่วโลก
อ้างอิงจากข้อมูลของแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูล ซานติเมนต์ เทรดเดอร์โดยรวมเริ่มมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาบิตคอยน์มากขึ้น โดยข้อมูลจากบล็อกเชนก็ยืนยันแนวโน้มดังกล่าวเช่นกัน นักลงทุนสถาบันอย่างไมเคิล เซย์เลอร์ ที่มีบทบาทผ่านบริษัท สแตรเทจี ไอที ยังคงทยอยซื้อบิตคอยน์ในปริมาณมาก แสดงให้เห็นถึง *ความเชื่อมั่นในระยะยาว*
นอกจากนี้ ปริมาณบิตคอยน์ที่ถูกเก็บไว้ในกระดานเทรดก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนว่านักลงทุนมีแนวโน้มที่จะ *ถือครอง(HODL)* มากกว่าการขาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณบวกของตลาด
แหล่งข่าวจากช่อง *Altcoin Daily* รายงานว่า หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดจากการที่เว็บไซต์หาเสียงของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ได้เผยแพร่นโยบายเกี่ยวกับการ *ยกเว้นภาษีสินค้าจีนบางรายการ หากชนะการเลือกตั้ง* ซึ่งตลาดคริปโตตอบสนองเร็วกว่าตลาดหุ้น เนื่องจากมีการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้น ทรัมป์ได้ออกมาชี้แจงผ่านโซเชียลมีเดียของตนเองบนแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า *ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีอย่างเป็นทางการ* ทำให้ตลาดเริ่มสงสัยว่าการพุ่งขึ้นของราคานั้น *สะท้อนมูลค่าจากข่าวจริงหรือเพียงข่าวลือ*
นักลงทุนรายใหญ่ส่วนมากยังคงมีท่าทีระมัดระวัง โดยหลายคนรอความชัดเจนจากภาครัฐเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนต้องจับตา
ไมเคิล วิลสัน นักวิเคราะห์จากมอร์แกนสแตนลีย์ แสดงความเห็นในรายงานล่าสุดว่า ทั้งตลาดหุ้นและตลาดคริปโตมีแนวโน้มนิ่งอยู่ในช่วงสะสมกำลัง (sideways) โดยคาดว่า *ภาวะนี้อาจกินเวลาอีก 3 ถึง 6 เดือน* พร้อมเตือนว่าท่าทีของรัฐบาลและธนาคารกลางสหรัฐที่ไม่เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจทำให้ *ตลาดมีความผันผวนมากขึ้น*
ไมค์ แม็กโกรน นักวิเคราะห์อาวุโสของ Bloomberg เตือนว่า บิตคอยน์อาจกำลังเข้าสู่ *ช่วงพักตัวหลังจากมีเม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดมากเป็นประวัติการณ์* โดยในระยะสั้นราคากำลังแสดงอาการอ่อนแรง และความนิยมในทองคำซึ่งกำลังกลับมาแข็งแกร่ง อาจทำให้สถานะ "ทองคำดิจิทัล" ของบิตคอยน์ลดความน่าสนใจลง
แม็กโกรนยังชี้ว่า การไหลออกของเงินลงทุนจากบิตคอยน์ ETF และความสนใจของนักลงทุนที่กลับไปยัง *ทองคำในฐานะทรัพย์สินปลอดภัย* เป็นสัญญาณที่สะท้อนถึง "ความเหนื่อยล้า" หลังจากแรงซื้อที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับแนวโน้มนี้ โรเบิร์ต คิโยซากิ นักเขียนชื่อดังด้านการเงิน ระบุว่า บิตคอยน์ ทองคำ และเงิน กำลังเพิ่มขึ้นพร้อมกัน ซึ่งเป็นสัญญาณของ *การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่นักลงทุนกำลังเคลื่อนย้ายเงินออกจากระบบการเงินเก่าไปยังสินทรัพย์ทางเลือก*
*ความคิดเห็น:* แนวโน้มของนักลงทุนที่เริ่มถือครองสินทรัพย์อย่างบิตคอยน์และทองคำ พร้อมกันมากขึ้น อาจตอกย้ำว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเมือง และการเงิน กำลังผลักดันให้ผู้คนมองหาทางเลือกในการปกป้องความมั่งคั่งระยะยาวอย่างจริงจัง
ความคิดเห็น 0