แผนการขยายเครือข่ายเลเยอร์ 2 ของอีเธอเรียม(ETH) อาจสร้างความเสี่ยงต่อความสามารถในการสะสมมูลค่าของตัวสกุลเงินเอง ตามรายงานล่าสุดจาก Binance Research เมื่อวันที่ 24 ระบุว่า บล็อกเชนที่อยู่บนเลเยอร์ 2 ซึ่งเกิดขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อลดค่าธรรมเนียมและเพิ่มความสามารถในการรองรับธุรกรรม กำลังเริ่มเบียดบังฐานเศรษฐกิจของเมนเน็ตอีเธอเรียมอย่างมีนัยสำคัญ
รายงานเผยว่าอีเธอเรียมกำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในด้านปริมาณการซื้อขายผ่านกระดานเทรดแบบกระจายศูนย์ (DEX) และรายได้จากค่าธรรมเนียมให้แก่ โซลานา(SOL), บีเอ็นบีสมาร์ตเชน(BNB) และเครือข่ายอื่น ๆ ปัจจัยสำคัญได้แก่ ความช้าในการทำธุรกรรม ค่าธรรมเนียมสูง การกระจายตัวของทรัพยากรนักพัฒนาและสภาพคล่อง ไปจนถึงการขยายตัวของเลเยอร์ 2 ที่ลดความสำคัญของเลเยอร์หลัก ความพยายามของอีเธอเรียมในการแก้ปัญหานี้ผ่านการอัปเกรดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย แม้จะเป็นก้าวเชิงบวก แต่รายงานประเมินว่าน่าจะยังไม่สามารถสร้างผลตอบแทนในเชิงมูลค่าได้ทันที
ความกังวลยิ่งชัดเจนขึ้นหลังจากราคา ETH ร่วงลงอย่างรุนแรง โดยเมื่อวันที่ 7 เมษายน ราคาดิ่งลงสู่ระดับ 1,410 ดอลลาร์ (ประมาณ 52,000 บาท) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีนาคม 2023 การลดลงนี้คิดเป็นกว่า 61% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดช่วงสั้นในเดือนธันวาคมปีก่อนที่กว่า 4,100 ดอลลาร์
แม้อีเธอเรียมเตรียมเปิดตัวการอัปเกรดสำคัญอย่าง ‘เพกตรา(Pectra)’ ในวันที่ 7 พฤษภาคม ซึ่งมุ่งยกระดับขีดความสามารถของ L2 และปรับปรุงประสิทธิภาพการสเตก และ ‘ฟูซากะ(Fusaka)’ ที่วางแผนไว้ปลายปี 2025 เพื่อนำ EIP-7594 มาใช้ปรับปรุงโครงสร้างของอีเธอเรียมเวอร์ชวลแมชชีน(EVM) และเพิ่มบทบาทในการจัดเก็บข้อมูล แต่รายงานชี้ว่ายังไม่สามารถแก้ปัญหา ‘การสะสมมูลค่าในระยะสั้น’ ได้โดยตรง
Binance Research เปรียบกระบวนการที่อีเธอเรียมกลายสภาพเป็นชั้นจัดเก็บข้อมูลว่าเป็น ‘ดาบสองคม’ เนื่องจากหากแรงจูงใจในการซื้อบล็อกสเปซไปอยู่ที่แพลตฟอร์มคู่แข่งอย่างโซลานาหรือ BNB เชน มูลค่าที่ควรไหลกลับไปยัง ETH ในรูปของค่าธรรมเนียมจะลดลงอย่างมีนัย
อย่างไรก็ตาม รายงานแนะนำว่า แนวคิด ‘เบสด์โรลอัป(based rollups)’ อาจเป็นคำตอบใหม่ โดยให้ค่าธรรมเนียมกลับสู่อีเธอเรียมเมนเน็ตได้มากกว่าโรลอัปทั่วไป เช่น เบส(Base), อาร์บิทรัม(Arbitrum) หรือออปทิสมิซึม(Optimism) ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจมีบทบาทสูงขึ้นในด้านการสนับสนุนเศรษฐกิจของเครือข่ายเมนเน็ต
ในระยะยาว Binance Research เชื่อว่าการ ‘ออกแบบโครงสร้างแรงจูงใจใหม่’ ถือเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพของกระแสค่าธรรมเนียมและ MEV(มูลค่าสูงสุดที่สามารถดึงออกได้) ให้ยังเกิดประโยชน์ต่อ ETH โดยตรง ซึ่งรวมถึงการแบ่งปันค่าธรรมเนียม, การกระจายรายได้ระดับโพรโตคอล และการผสานรวมเชิงลึกระหว่างเลเยอร์ต่าง ๆ เป็นแนวทางที่น่าจับตามองต่อไป.
ความคิดเห็น 0