แฮกเกอร์ผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์โจมตี Bybit เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ได้ขายอีเธอเรียม(ETH) ปริมาณมากมูลค่าราว 4 พันล้านวอน หรือประมาณ 2,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 402 ล้านบาท) ตามข้อมูลจาก Lookonchain และ Arkham ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบนบล็อกเชน พบว่า มีการขายอีเธอเรียมรวม 14,064 ETH โดยเฉลี่ยที่ราคา 1,956 ดอลลาร์ ผ่านกระเป๋าเงินที่เพิ่งถูกค้นพบสองรายการ
เงินที่ได้จากการขายดังกล่าวถูกแปลงเป็นสเตเบิลคอยน์ DAI ทำให้ผู้โจมตีสามารถถือครองสินทรัพย์คล้ายเงินสดได้ในปริมาณมหาศาล การเทขายในครั้งนี้ส่งผลให้ ‘ราคาของ ETH ร่วงลงกว่า 6% ภายในวันเดียว’ โดยนักวิเคราะห์มองว่า นี่เป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างแรงกดดันทางด้านลบให้กับตลาดคริปโตในช่วงล่าสุด ขณะเดียวกัน ตลาดโดยรวมก็กำลังเผชิญกับปริมาณการซื้อขายที่ลดลงควบคู่ไปกับการเพิ่มขึ้นของแรงขาย
รายงานยังระบุว่า แฮกเกอร์รายนี้มีพฤติกรรม ‘ฟอกเงินผ่านแพลตฟอร์มที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง’ โดยใช้บริการบริดจ์แบบกระจายศูนย์ เช่น THORChain และ Chainflip เพื่อลดความสามารถในการติดตามธุรกรรม และปกปิดที่มาของเงินทุน ซึ่งวิธีการนี้กำลังกลายเป็นแนวทางหลักที่อาชญากรไซเบอร์ใช้ในการเคลื่อนย้ายเงินผิดกฎหมาย ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจึงยิ่งตอกย้ำถึงความเสี่ยงของการ ‘ใช้งานโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายศูนย์เพื่อการฟอกเงิน’
เหตุการณ์ในครั้งนี้เชื่อมโยงกับการแฮ็ก Bybit ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งนับเป็น ‘การแฮ็กครั้งใหญ่ที่สุด’ ที่แพลตฟอร์มเคยเผชิญ โดยมีรายงานว่า กลุ่มลาซารัสซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทางการเกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังการโจมตี มูลค่าความเสียหายรวมสูงถึงราว 2.1 แสนล้านวอน กลุ่มดังกล่าวได้โจรกรรมสินทรัพย์คริปโตหลายรายการ รวมถึง ETH และดำเนินการฟอกเหรียญผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ
ในอีกด้านหนึ่ง ระบบนิเวศของการพัฒนาอีเธอเรียมยังคงเดินหน้าไปในทิศทางที่ดี โดย ทิม เบย์โก(Tim Beiko) นักพัฒนาอีเธอเรียมหลักประกาศว่า เครือข่ายจะได้รับการอัปเกรดครั้งสำคัญภายใต้ชื่อ ‘Pectra’ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 30 เมษายน หลังจากผ่านการยืนยันในที่ประชุม ACDC การอัพเกรดนี้คาดว่าจะช่วยเสริมประสิทธิภาพทั้งด้านความเร็วและความสามารถในการขยายเครือข่าย
แม้ว่า ETH จะมีทิศทางขาขึ้นตั้งแต่ต้นปีจากความหวังด้านพัฒนาการทางเทคนิคและการเข้ามาของนักลงทุนสถาบัน แต่เหตุการณ์ล่าสุดทำให้เกิดความกังวลว่า ‘ราคาของ ETH อาจเข้าสู่ช่วงปรับฐานในระยะสั้น’ ตลาดคริปโตยังคงมีแนวโน้มตอบสนองอย่างรุนแรงต่อทั้ง ‘ความมั่นคงทางไซเบอร์และประเด็นด้านการอัปเกรดเทคโนโลยี’ ในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0