เครือข่ายอีเธอเรียม(ETH)กำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงหลายด้านในช่วงที่ผ่านมา โดยผู้เชี่ยวชาญในวงการเริ่มให้ความสนใจต่อทิศทางใหม่ของโปรเจกต์นี้ เดวิด ฮอฟฟ์แมน จาก Bankless ระบุเมื่อวันที่ 19 ว่า “อีเธอเรียมกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ” พร้อมเสริมว่า “กระบวนการนี้เริ่มต้นมาแล้วกว่า 6 เดือน และขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงให้เห็นได้ชัด”
แม้อีเธอเรียมจะเผชิญแรงกดดันจากปัญหาหลายด้านในช่วงต้นปี ไม่ว่าจะเป็นประเด็นผู้นำของมูลนิธิอีเธอเรียม การถอนตัวของนักพัฒนา ไปจนถึงความไม่แน่นอนของทิศทางโครงการ แต่เครือข่ายนี้ก็ยังคงรักษาฐานะเป็น ‘โครงสร้างมาตรฐาน’ ของโลกคริปโตในด้านดีไฟน์, สเตเบิลคอยน์, โทเคนอสังหาริมทรัพย์ และแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์
ฮอฟฟ์แมน ชี้ว่า ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากแรงผลักดันตั้งแต่ปี 2021 ที่อีเธอเรียมเริ่มเผชิญการแข่งขันเข้มข้น ทำให้ต้องละทิ้งวิสัยทัศน์แบบงานวิจัย และหันมาสร้างการเติบโตให้กับเลเยอร์ 1 อย่างจริงจัง โดยหนึ่งในแผนคือการ ‘เพิ่มขีดจำกัดแก๊ส’ ให้มากขึ้นถึง 10 เท่าภายใน 2 ปี ซึ่งจะช่วยเปิดทางให้เครือข่ายรองรับธุรกรรมมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน มูลนิธิอีเธอเรียมก็เตรียม ‘ปรับบทบาท’ จากเดิมที่เน้นพัฒนาโปรโตคอล เป็นแนวทางมุ่งสู่การสร้าง ‘ผลิตภัณฑ์’ มากขึ้น ทั้งในเชิงการสนับสนุนการตัดสินใจผ่านโครงสร้างคณะกรรมการชุดใหม่ รวมถึงบ่มเพาะวัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่นและเปิดรับมากขึ้นด้วย
ด้าน เฮย์เดน อดัมส์ ผู้ก่อตั้งยูนิสวอป(uniswap) แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นการขยายตัวของอีเธอเรียม โดยระบุว่า แม้เขาจะ ‘เห็นด้วยกับการพัฒนาเลเยอร์ 1’ แต่หากอีเธอเรียมยึดติดอยู่กับเลเยอร์ 1 ในการผลักดันดีไฟน์ในอนาคต อาจ ‘พ่ายแพ้’ ให้กับโซลานา(SOL) ซึ่งมีแผนงาน ทีมงาน และโมเดลขยายตัวที่แข็งแกร่งกว่า
อดัมส์ เชื่อว่า สิ่งที่อีเธอเรียมควรทำคือยึดแนวทางการขยายตัวผ่าน ‘โรลอัปในเลเยอร์ 2’ ซึ่งได้เริ่มต้นมานานกว่า 5 ปี และควรยึดแนวทางเดียวให้ชัดเจน รวมถึง ‘มุ่งลดความเสี่ยง’ ที่อาจเกิดขึ้นจากกลยุทธ์นี้ให้มากที่สุด
แม้จะมีการเคลื่อนไหวในเชิงกลยุทธ์ที่เข้มข้น แต่อีเธอเรียมยังคงซื้อขายอยู่ใกล้ระดับ 1,600 ดอลลาร์ ซึ่งเท่ากับราคาช่วงเดือนมีนาคม 2023 บ่งชี้ว่าความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ยังไม่สามารถหนุนราคาขึ้นได้ในระยะสั้น
ความคิดเห็น 0