หลังการประชุมลับที่มีผู้บริหารของบริษัทริปเปิล และซีอีโอ แบรด การ์ลิงเฮาส์ เข้าร่วม กระแสการพูดถึงความเป็นไปได้ในการผลักดันให้ริปเปิล(XRP) กลายเป็น ‘สินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ระดับรัฐบาล’ ของสหรัฐฯ ได้ถูกจุดขึ้นเป็นครั้งแรก แม้ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมหลายรายเคยมองว่ามีโอกาสถึง 50% แต่ในปัจจุบันความเชื่อมั่นต่อความเป็นไปได้นี้ลดลงเหลือเพียง 22%
คอเนอร์ แม็กลาฟลิน นักบริหารสินทรัพย์ส่วนบุคคลและผู้เชี่ยวชาญสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดเผยต่อ Paul Barron Network ว่า แนวคิดในการทำให้ XRP กลายเป็น ‘สินทรัพย์ทางเลือกของประเทศ’ นั้นอาจส่งผลเชิงบวก แต่ขึ้นอยู่กับ ‘วัตถุประสงค์’ ที่อยู่เบื้องหลัง เขาย้ำว่า ความร่วมมืออย่างแท้จริงระหว่างบริษัทริปเปิลและรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับการใช้ XRP เพื่อเสริมสร้างสภาพคล่องในเชิงระบบการเงิน คือประเด็นที่ควรให้ความสำคัญมากกว่าการครอบครอง XRP ในรูปแบบของการลงทุนธรรมดา
เขาเสริมว่า ในขณะที่บิตคอยน์(BTC) ได้รับการยอมรับเข้าสู่พอร์ตของสถาบันการเงินรายใหญ่เป็นที่เรียบร้อย ความสนใจจากภาครัฐต่อคริปโตสกุลอื่น ๆ อย่าง XRP ยังคงมีการตอบรับที่หลากหลาย แม้จะเคยมีแรงผลักดันในระยะแรก แต่ ‘ความเห็นที่ไม่ตรงกันภายในภาครัฐ’ น่าจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แนวทางดังกล่าวล่าช้า
แม็กลาฟลินยังเชื่อว่า แม้รัฐบาลสหรัฐฯ จะยังลังเลต่อทิศทางนี้ ‘เทคโนโลยีจะพิสูจน์คุณค่าของตัวเองในระยะยาว’ พร้อมระบุว่า หากสหรัฐฯ พลาดโอกาสในวันนี้ อาจเผชิญสถานการณ์แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับบิตคอยน์ ที่ถูกมองข้ามในช่วงเริ่มต้น ก่อนจะถูกยอมรับในภายหลังโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
อีกหนึ่งแนวคิดที่ถูกหยิบยกจากทางฝั่งอุตสาหกรรม คือการนำค่าปรับหรือเงินจากข้อตกลงที่เกี่ยวกับข้อพิพาททางกฎหมายของริปเปิล มาจัดสรรในรูปแบบของ XRP ให้เป็นสินทรัพย์ยุทธศาสตร์ของรัฐบาล แม้แนวคิดนี้จะฟังดูเป็นไปได้ในเชิงทฤษฎี แต่แม็กลาฟลินย้ำว่า “การผลักดันให้นำ XRP ไปใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบการเงิน สำคัญกว่าการถือครองเพียงเพื่อการลงทุน”
เขาทิ้งท้ายว่า หากธนาคารชั้นนำระดับ Tier-1 เริ่มนำ XRP ไปใช้สำหรับการชำระเงินแบบเรียลไทม์และเป็นโครงสร้างเครือข่ายทางการเงิน จะสร้าง ‘การเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง’ แก่ระบบนิเวศของคริปโตโดยรวม
ความคิดเห็น 0