นักลงทุนอีเธอเรียม(ETH) เริ่มแสดงพฤติกรรมสะสมเหรียญระยะยาวอย่างชัดเจน โดยในช่วง 10 วันที่ผ่านมา ปริมาณอีเธอเรียมที่ไหลเข้าสู่กระเป๋าสะสมเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งเฉพาะในวันที่ 22 เมษายน พบว่ามีการย้ายโทเคนจำนวน 449,000 ETH คิดเป็นมูลค่าราว 7,381 พันล้านวอน หรือประมาณ 202,000 ล้านบาท นับเป็นการไหลเข้าสุทธิรายวันที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,750 ดอลลาร์ หรือราว 2.55 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนว่า แม้ตลาดจะเผชิญแรงขาย แต่ความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตระยะยาวของอีเธอเรียมยังคงแข็งแกร่ง
ในขณะเดียวกัน จำนวนกระเป๋าเงินที่ใช้งานบนเครือข่ายอีเธอเรียมเพิ่มขึ้นราว 10% แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในภาคการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (DeFi) ภาพการฟื้นตัวยังคงไม่ปรากฏ โดยปริมาณการซื้อขายบนแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ (DEX) ยังคงลดลง สะท้อนว่าโดยรวมแล้วระบบนิเวศ DeFi ยังอยู่ในช่วงชะลอตัวทางด้านประสิทธิภาพ
แม้การสะสมจะดำเนินต่อเนื่อง แต่ผู้ถือครองกระเป๋าสะสมยังคงแบกรับผลขาดทุนอยู่ โดยการวิเคราะห์บนเชนระบุว่าราคาซื้อเฉลี่ยของกลุ่มนี้อยู่ที่ 1,981 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.89 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน จุดนี้บ่งชี้ว่าผู้ถือเหรียญระยะยาวไม่ได้ไล่ล่ากำไรสั้น ๆ แต่เน้นการถือรอจังหวะฟื้นตัว และเดินหน้าซื้อเพิ่มท่ามกลางแนวโน้มขาลง
แม้ตลาดจะเผชิญแรงกดดัน แต่การเข้าซื้อในราคาต่ำยังคงเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็น ‘สัญญาณเชิงบวก’ ต่อภาพรวมของตลาดคริปโต ผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันว่ากลุ่มวาฬและนักลงทุนระยะยาวไม่ได้อยู่ในโหมดรอเพียงอย่างเดียว แต่เข้าสู่โหมด ‘เตรียมพร้อมเพื่ออนาคต’ และการเคลื่อนไหวเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อความเชื่อมั่นในภาพระยะยาว
ความคิดเห็น 0