ธนาคารผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้ประกาศว่าเตรียมเพิ่มฟังก์ชัน ‘การสเตกอีเธอเรียม(ETH)’ เข้าไปในกองทุน ETF อีเธอเรียม ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในตลาด ตามความเห็นของนักเทรดคริปโตชื่อดังอย่าง ‘คริปโต โรเบอร์’ ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงแนวโน้มใหม่ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เอื้อต่อนักลงทุนทั่วไป
ธนาคารรายนี้บริหารสินทรัพย์รวมกว่า 116,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 165 ล้านล้านวอน) และการเพิ่ม ‘การสเตก’ เข้าไปในกองทุน ETF จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถรับผลตอบแทนจากการสเตกอีเธอเรียมได้โดยไม่ต้องดำเนินขั้นตอนที่ซับซ้อนเหมือนในระบบเดิม
จุดเด่นของการ ‘สเตกผ่าน ETF’ คือ นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ต้องล็อกเหรียญไว้เป็นระยะเวลานาน และยังลดความเสี่ยงทางเทคนิคที่ผู้ใช้ใหม่อาจพบเจอ
ด้านเกรย์สเกล ซึ่งเคยหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ(SEC) ก็มีแผนที่จะเพิ่มฟังก์ชันสเตกใน ETF อีเธอเรียมเช่นเดียวกัน โดยขณะนี้เกรย์สเกลสูญเสียรายได้จากการสเตกถึง 61 ล้านดอลลาร์เนื่องจากข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ หาก SEC ให้การอนุมัติ เกรย์สเกลจะสามารถจัดการการสเตกได้โดยตรงและเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุน
ขณะเดียวกัน ธนาคารเจ้าของ ETF ดังกล่าวยังแสดงความคาดหวังว่าจะได้รับอนุมัติในกองทุนโซลานา(SOL) ETF เช่นกัน โดยยาน ฟาน เอ็ก( Jan Van Eck) ซีอีโอของธนาคารเผยว่า *“เราคาดหวังว่ากองทุนโซลานา ETF จะได้รับการอนุมัติ”* โดยข้อมูลจาก Polymarket แพลตฟอร์มทำนายแนวโน้มตลาด ชี้ว่า โอกาสที่โซลานา ETF จะได้รับการอนุมัติภายในสิ้นปี 2025 มีมากถึง *88%* ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางและการประเมินของธนาคารนี้
ความคิดเห็น 0