ริปเปิล(XRP)ได้พยายามเข้าซื้อเซอร์เคิล ผู้ออกเหรียญเสถียร USDคอยน์(USDC) ด้วยมูลค่าสูงถึง *5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือประมาณ *7.3 ล้านล้านวอน* แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกปฏิเสธ ตามรายงานของ Bloomberg เมื่อวันที่ 30 (เวลาท้องถิ่น)
ตามรายงานแหล่งข่าวเผยว่า ริปเปิล ซึ่งเป็นบริษัทบล็อกเชนด้านการชำระเงิน ได้เข้าเจรจากับเซอร์เคิลเพื่อขอซื้อกิจการด้วยมูลค่าระหว่าง *4–5 พันล้านดอลลาร์* อย่างไรก็ตาม เซอร์เคิลมองว่า ข้อเสนอดังกล่าว ‘ประเมินมูลค่าบริษัทต่ำกว่าความเป็นจริง’ โดยเฉพาะท่ามกลางช่วงเวลาที่บริษัทเพิ่งยื่นคำขอเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะ (IPO) ไปได้ไม่ถึง 30 วัน
ทั้งเซอร์เคิลและริปเปิลยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ใดเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว อย่างไรก็ตาม บริษัทยักษ์ด้านเหรียญเสถียรอย่างเซอร์เคิล ยังคงเดินหน้าผลักดันการเติบโตผ่าน IPO พร้อมทั้งเสริมสถานะ USDคอยน์(USDC) ในตลาดสหรัฐฯ ให้มั่นคงยิ่งขึ้น
ความพยายามครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงแนวทางเชิงรุกของริปเปิลในการขยายธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการ โดยย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน ริปเปิลเพิ่งประกาศซื้อกิจการ Hidden Road บริษัทนายหน้ารายใหญ่ ด้วยมูลค่าราว *1.2 พันล้านดอลลาร์* เพื่อเร่งขยายสัดส่วนการตลาด รวมถึงการเติบโตของระบบนิเวศ XRPและXRPเลเจอร์
ในอีกด้านหนึ่ง เกิดเหตุการณ์โจรกรรมคริปโตครั้งใหญ่ โดยแซคเอ็กซ์บีที(ZachXBT) นักวิเคราะห์ความปลอดภัยบล็อกเชนอิสระ เปิดเผยว่า มีผู้สูงอายุชาวอเมริกันรายหนึ่งถูกหลอกและขโมยบิตคอยน์(BTC) ไปมากถึง *3,520 BTC* ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง *330.7 ล้านดอลลาร์* หรือราว *4.8 พันล้านวอน*
เหตุการณ์นี้ถือเป็น *อาชญากรรมทางคริปโตที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ในประวัติศาสตร์* โดยผู้ไม่หวังดีใช้เทคนิค ‘วิศวกรรมสังคม’ เพื่อหลอกให้เหยื่อเปิดเผยสิทธิ์เข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2025 และแซคเอ็กซ์บีทีได้เปิดเผยรายละเอียดในอีกสองวันถัดมา
ข้อมูลจากบล็อกเชนแสดงให้เห็นว่า เหยื่อได้ถือครองบิตคอยน์มากกว่า *3,000 BTC* มาตั้งแต่ปี 2017 โดยไม่มีธุรกรรมที่สำคัญระหว่างนั้น บิตคอยน์ที่ถูกขโมยถูกฟอกเงินอย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์มซื้อขายแบบทันใจมากกว่าหกแห่ง ก่อนถูกแปลงเป็นเหรียญโมเนโร(XMR) ที่เน้นด้านความเป็นส่วนตัวสูง
*ความคิดเห็น:* เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ไม่ใช่แค่ทางเทคนิค แต่รวมถึง ‘มนุษย์’ ด้วย ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า “การรักษาความปลอดภัยของคีย์ส่วนตัวและกระเป๋าคริปโตนั้น เสี่ยงต่อการโจมตีด้วยกลยุทธ์ทางสังคมมากกว่าการแฮ็กเชิงเทคนิค” จึงเรียกร้องให้ผู้ถือเหรียญ โดยเฉพาะผู้ที่ถือระยะยาว ตระหนักและลงมือป้องกันอย่างจริงจัง
ความคิดเห็น 0