ความเสียหายจากการแฮกและหลอกลวงในวงการคริปโตช่วงเดือนเมษายนพุ่งสูงถึง *364 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือราว *5,170 พันล้านวอน* จากรายงานของบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ *เซอร์ทิค(CertiK)* ส่วนใหญ่ของมูลค่าความเสียหายนี้ เกิดจากการโจมตีผ่าน *ฟิชชิง* คิดเป็นมูลค่าถึง *337 ล้านดอลลาร์*
หนึ่งในเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อ *วันที่ 30 เมษายน* เมื่อนักลงทุนสูงอายุรายหนึ่งในสหรัฐตกเป็นเหยื่อของฟิชชิง ทำให้สูญเสีย *บิตคอยน์(BTC)* จำนวน *3,520 เหรียญ* คิดเป็นมูลค่าราว *330 ล้านดอลลาร์* เหตุการณ์นี้นับเป็นหนึ่งในการแฮกที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับ 5 ในประวัติศาสตร์ของคริปโต โดยแฮกเกอร์ใช้กลวิธี *วิศวกรรมสังคม* ในการเข้าถึงกระเป๋าเงินของเหยื่อ
เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมซึ่งมีความเสียหายอยู่ที่ *29 ล้านดอลลาร์* ตัวเลขในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นกว่า *1,100%* แม้จะไม่รวมกรณีบิตคอยน์ที่ถูกขโมยจำนวนมากก็ยังมีความเสียหายที่ *34 ล้านดอลลาร์* สูงขึ้น *21%* จากเดือนก่อนหน้า
ในขณะที่เหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดของปีนี้เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีความเป็นไปได้ว่าสาเหตุเกิดจากกลุ่มแฮกเกอร์ *ลาซารัส* แห่งเกาหลีเหนือ ซึ่งพุ่งเป้าไปที่แพลตฟอร์ม *Bybit* ทำให้เกิดความเสียหายถึง *1,400 ล้านดอลลาร์* ถือเป็นการแฮกที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโต
อย่างไรก็ตาม ยังพอมีข่าวดีเมื่อ *แฮกเกอร์หมวกขาว* สามารถกู้คืนเงินที่ถูกขโมยจากแพลตฟอร์ม *คิโลเอกซ์, ลูปสเกล* และ *zkSync* ได้รวมทั้งสิ้น *18.2 ล้านดอลลาร์* โดยแฮกเกอร์หมวกขาวเป็นผู้ที่ค้นพบช่องโหว่แต่เลือกแจ้งเตือนทีมงานโครงการและคืนเงินแทนที่จะใช้ช่องโหว่นั้นเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว
รายงานฉบับนี้เน้นย้ำว่า ความปลอดภัยควรเป็น *ภารกิจสำคัญที่สุด* ของอุตสาหกรรมคริปโตหากต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้ง *นักลงทุน* และ *นักพัฒนา* จำเป็นต้องตระหนักถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุคดิจิทัลนี้
ความคิดเห็น 0