มอร์แกนสแตนลีย์(Morgan Stanley) เตรียมเข้าสู่ตลาดคริปโตอย่างเต็มตัวผ่านทางบริษัทลูกอย่าง *อีเทรด(E*Trade)* โดยมีแผนจะให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลภายในแพลตฟอร์มของอีเทรดภายในปี 2026 สะท้อนถึงแนวโน้มที่ธนาคารขนาดใหญ่ทั่วโลกเริ่มขยับเข้าสู่พื้นที่การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง
เมื่อวันที่ 1 Bloomberg รายงานว่า แผนการเปิดให้บริการซื้อขายคริปโตดังกล่าวยังอยู่ในช่วงวางแผนเบื้องต้น โดยยังไม่มีการกำหนดวันเปิดใช้ที่แน่ชัด และยังไม่เปิดเผยว่าคริปโตใดจะถูกสนับสนุน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอีเทรดให้บริการซื้อขายหุ้น, ETF และออปชั่นอยู่แล้ว ดังนั้นการขยายบริการไปยังสินทรัพย์ดิจิทัลจึงถือเป็น ‘จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ’ ในการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ภายใต้แพลตฟอร์มที่มีฐานผู้ใช้กว้างขวาง
รายงานยังระบุว่า มอร์แกนสแตนลีย์กำลังพิจารณาเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับคริปโตอยู่แล้ว โดยการหารือในประเด็นดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา พร้อมประเมินความเสี่ยงและวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีควบคู่ไปด้วย ตัวแทนภายในองค์กรเผยว่า “ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่เชื่อถือได้ถือเป็นหัวใจสำคัญ ทั้งในด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย”
การตัดสินใจครั้งนี้สอดคล้องกับทิศทางของสถาบันการเงินทั่วโลกที่เริ่มปรับพอร์ตลงทุนเพื่อรองรับความต้องการในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะภายหลังจาก *ประธานาธิบดีทรัมป์* แสดงจุดยืนสนับสนุนนโยบายโปรคริปโตในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งทำให้แนวโน้มการยอมรับคริปโตโดยสถาบันการเงินในระดับโลกเกิดขึ้นรวดเร็วยิ่งขึ้น ทรัมป์ยังได้สั่งให้มีการเพิ่มการวิจัยเกี่ยวกับคริปโตในระดับรัฐบาลกลางเมื่อต้นปี และเปิดช่องความเป็นไปได้ในการผ่อนคลายกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่า ท่าทีของมอร์แกนสแตนลีย์จะกลายเป็นตัวเร่งให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตในวงกว้าง โดยเฉพาะจากฐานลูกค้ารายย่อยจำนวนมากของอีเทรดซึ่งมีแนวโน้มว่าจะช่วยขยายการใช้งานคริปโตสู่ผู้ใช้กลุ่มใหม่มากขึ้น ความคิดเห็นจากนักลงทุนรายหนึ่งในนิวยอร์กระบุว่า “อีเทรดเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้รายย่อยจำนวนมาก หากให้บริการคริปโต จะส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อการเติบโตของตลาดโดยรวม”
ที่ผ่านมา มอร์แกนสแตนลีย์เปิดโอกาสให้นักลงทุนสินทรัพย์ระดับสูงเข้าถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนในคริปโตของเกรย์สเกลตั้งแต่ปี 2021 แล้ว การขยับขยายสู่การเปิดให้ซื้อขายโดยตรงผ่านอีเทรดครั้งนี้จึงสะท้อนการพัฒนาสู่การเป็น *“โซลูชันสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบวงจร”* ที่รองรับทั้งการลงทุนแบบทางอ้อมและการเทรดโดยตรงผ่านแพลตฟอร์มของตนเอง
ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า ความคืบหน้าในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะในเรื่องของสินทรัพย์คริปโตที่รองรับ, พันธมิตรทางธุรกิจ และข้อกำหนดจากหน่วยงานกำกับดูแล จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินโครงการนี้ นอกจากนี้ ยังมี *ความคิดเห็น* ว่าความเคลื่อนไหวของมอร์แกนสแตนลีย์อาจกลายเป็นแบบอย่างให้สถาบันการเงินรายอื่นเร่งเปิดตัวบริการเทรดคริปโตในรูปแบบที่ใกล้เคียงกันในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0