โทเคน TRUMP กลับมาเป็นกระแสอีกครั้งหลัง *ประธานาธิบดีทรัมป์* ประกาศจัดงานเลี้ยงค่ำพิเศษสำหรับผู้ถือครองโทเคนอันดับต้น ๆ 220 ราย ส่งผลให้ความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลนี้พุ่งสูง โดยยอดการค้นหาและพูดถึง TRUMP โทเคนเพิ่มขึ้นกว่า 50% ขณะที่มูลค่าตามราคาตลาดเคยแตะ 2.7 พันล้านดอลลาร์ ก่อนจะปรับลงมาอยู่ที่ราว 2.18 พันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
ตามข้อมูลล่าสุดจาก Chainalysis ระบุว่ามีกระเป๋าคริปโตมากถึงประมาณ 762,000 ใบที่ลงทุนในโทเคน TRUMP และขณะนี้กำลังขาดทุน โดยส่วนใหญ่มาจากผู้ถือรายย่อยที่มีการลงทุนไม่สูงมาก ในขณะที่นักลงทุนรายใหญ่ช่วงต้นกลับทำกำไรอย่างงดงาม กระเป๋าทั้งหมด 58 ใบถือครองผลกำไรกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีกระเป๋าระดับสูงถึง 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมกันเพียงน้อยราย
ในช่วงหลังเดือนเมษายน มีการเพิ่มขึ้นของกระเป๋าใหม่กว่า 54,000 ราย ทำให้มีกระเป๋ารวมของนักลงทุนใหม่สูงถึง 100,000 ใบ ภายใต้กระแสตลาดที่ถูกกระตุ้นโดยข่าวการเลี้ยงอาหารเย็นสุดพิเศษดังกล่าว
ในแง่ของการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับงานเลี้ยง มีรายงานว่ากระเป๋าใหม่บางรายการได้ถอน TRUMP มากถึง 1 ล้านเหรียญจากไบแนนซ์ คิดเป็นมูลค่าราว 10.78 ล้านดอลลาร์ และ MemeCore ก็ดำเนินการถอนโทเคนเพิ่มอีก 1.39 ล้านเหรียญ มูลค่าเกือบ 17.8 ล้านดอลลาร์ โดยปัจจุบันกำลังเผชิญกับการขาดทุนกว่า 2.8 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับโทเคน TRUMP ยังจุดชนวนให้เกิดข้อสงสัยด้านผลประโยชน์ทับซ้อน โดยเฉพาะที่เชื่อมโยงกับโครงการเวนเจอร์ด้านคริปโตอย่าง ‘เวิลด์ ลิเบอร์ตี ไฟแนนเชียล’ ขณะนี้กำลังอยู่ภายใต้การตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล
คณะกรรมการวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เริ่มสอบสวนเกี่ยวกับ ‘โครงสร้างความเป็นเจ้าของ’ และ ‘รูปแบบผลตอบแทน’ ของ TRUMP โทเคน โดยเน้นพิจารณาเหตุการณ์งานเลี้ยง, การโพสต์โปรโมทโดยประธานาธิบดีทรัมป์, การเชื่อมโยงกับกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และนักลงทุนระดับโลกอย่าง จัสติน ซัน(Justin Sun)
ขณะเดียวกัน มีรายงานพิเศษว่าเพียง 2 วันหลังจากข่าวงานเลี้ยงถูกเผยแพร่ *ประธานาธิบดีทรัมป์* และคนใกล้ชิดสามารถทำรายได้จากค่าธรรมเนียมธุรกรรมของ TRUMP โทเคนได้แล้วถึงเกือบ 900,000 ดอลลาร์
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังวางแผนจัดงาน ‘ผู้สร้างนวัตกรรมคริปโตและ AI’ ผ่านซูเปอร์แพ็ค โดยเปิดให้ซื้อบัตรเข้างานมูลค่าสูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ต่อคน ความกังวลได้ถูกหยิบยกขึ้น เนื่องจากกิจกรรมดังกล่าวไม่อยู่ภายใต้กฎหมายที่กำหนดให้ต้องเปิดเผยตัวตนผู้บริจาคเช่นเดียวกับเงินบริจาคทางการเมือง ทำให้เกิดคำถามถึงบทบาทและอิทธิพลของนักลงทุนต่างชาติที่อาจแฝงตัวอยู่เบื้องหลังผ่านคริปโตแสนลึกลับนี้
ความคิดเห็น 0