อุปกรณ์ยืนยันตัวตนด้วยชีวมิติรุ่นใหม่อย่าง ‘ออร์บ มินิ(Orb Mini)’ จากเวิลด์คอยน์(Worldcoin) ถูกเปิดตัวในฐานะเครื่องมือแบบพกพาที่สามารถใช้งานในชีวิตจริงได้ โดยมีคำโปรยว่า ‘ไปในที่ที่คุณไป (It goes where you go)’ แต่กลับได้รับเสียงตอบรับที่เย็นชาในชุมชนคริปโต จุดขายหลักของอุปกรณ์นี้คือการสแกนม่านตาเพื่อยืนยันว่าผู้ใช้เป็น ‘มนุษย์’ ตัวจริง ทว่าในโลกออนไลน์ กระแสกลับมุ่งไปในทางตลกร้าย พร้อมตั้งคำถามถึงความจำเป็นและความเหมาะสมของเทคโนโลยีประเภทนี้
ทวิตเตอร์เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ข้อผิดพลาดถูกขยายเสียงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอาลิเซีย แคตซ์(Alicia Katz) แห่งยูเลอร์ไฟแนนซ์(Euler Finance) แพลตฟอร์มให้บริการกู้ยืมแบบดีไฟ (DeFi) เธอกล่าวว่า “มนุษย์เรารับรู้ได้เองว่าอีกฝ่ายเป็นคน...แต่ถ้ามีใครพยายามสแกนม่านตาระหว่างออกเดต มันให้ความรู้สึกแปลก ๆ เหมือนอยู่ใน ‘หุบเขาแปลกประหลาด (Uncanny Valley)’” ความคิดเห็นนี้สะท้อนความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นเมื่อเทคโนโลยีล้ำยุคเกินขอบเขตของสิ่งที่ยอมรับได้ตามธรรมชาติ
ผู้ใช้อีกรายหนึ่งตั้งคำถามเชิงเสียดสีว่า “นี่คืออุปกรณ์ไว้พาเพื่อนไปสแกนเล่นหรืออย่างไร?” พร้อมเปรียบเทียบว่ามันดูเหมือนของประกอบฉากจากหนังไซไฟมากกว่าจะเป็นนวัตกรรมที่จำเป็น ความกำกวมของการใช้งานและจุดประสงค์ที่ไม่ชัดเจน ทำให้ออร์บ มินิกลายเป็นสัญลักษณ์ที่กระทบใจมากกว่าจะสร้างความเชื่อมั่นในเทคโนโลยียืนยันตัวตน
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์เหล่านี้ โครงการขยายระบบ ‘เวิลด์ ID’ ของเวิลด์คอยน์กำลังเผชิญกับแรงต้านที่อาจระคายเคืองต่อความก้าวหน้าในอนาคต โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลชีวมิติ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับ ‘ความไว้เนื้อเชื่อใจ’ จากสาธารณชนก่อนการนำมาใช้จริง ความเห็นของผู้คนจำนวนมากบ่งชี้ว่า การก้าวไปสู่เทคโนโลยีที่ควบคุมตัวตนและข้อมูลส่วนบุคคลต้องมาพร้อม ‘ฉันทามติทางสังคม’ ไม่ใช่เพียงแค่ความสามารถทางเทคนิคเท่านั้น
ความคิดเห็น 0