บริษัทเทรเชอร์ โกลบอล(TGL) ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้เผยกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,900 ล้านบาท) โดยเน้นการถือครอง *บิตคอยน์(BTC)* และ *อีเธอเรียม(ETH)* เป็นหลัก ซึ่งเงินทุนสำหรับการลงทุนครั้งนี้มาจากสัญญาระดมทุนผ่านหุ้นมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่วนที่เหลือจากสถาบันการเงินรายใหม่ที่เข้าร่วมลงทุน
บริษัทมีแผนจะไม่เพียงแค่ซื้อ *BTC* และ *ETH* แต่ยังจะถือครอง *สเตเบิลคอยน์* ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลด้วย โดย *คาร์ลสัน โตว์* ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทรเชอร์ โกลบอล กล่าวว่า “กลยุทธ์นี้เป็นการตัดสินใจโดยใช้ความระมัดระวัง ที่เชื่อมโยงการบริหารทุน ความสามารถในการขยายโครงสร้างพื้นฐาน และการเพิ่มมูลค่าให้กับแพลตฟอร์ม” พร้อมเสริมว่า "เทรเชอร์ โกลบอลมุ่งหมายสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ทั้งทำกำไรและมีประสิทธิภาพ ผ่านการรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์จากบล็อกเชนเข้าสู่แพลตฟอร์มผู้ใช้งาน"
การตัดสินใจครั้งสำคัญของเทรเชอร์ โกลบอลเกิดขึ้นในจังหวะเดียวกับที่สถาบันการเงินเพิ่มความสนใจใน *คริปโตเคอร์เรนซี* โดยปัจจุบันมีมากกว่า 223 บริษัททั่วโลกถือครอง *BTC* รวมกันกว่า 3.39 ล้านเหรียญ ตามรอยบริษัทชั้นนำอย่าง *สแตรทีจี* และ *เมตะแพลนเน็ต* จากญี่ปุ่น
กระแสการลงทุนของสถาบันเหล่านี้ยิ่งคึกคักหลังการพัฒนาโครงสร้างกฎหมายคริปโตในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเอื้ออำนวยมากขึ้น โดย *เจพีมอร์แกน* ได้ประกาศแผนบริการเงินกู้ที่ใช้คริปโตเป็นหลักประกันสำหรับลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง
*ความคิดเห็น:* ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงคริปโตชี้ว่า ความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่อสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้อาจนำไปสู่ “แรงกระแทกด้านอุปสงค์” (Demand Shock) ที่สร้างราคาให้ขยับขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้ ซึ่งสถาบันขนาดใหญ่ต่างเร่งชิงความได้เปรียบในยุคสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเปลี่ยนโลกการเงิน.
ความคิดเห็น 0