รัฐบาลฟิลิปปินส์เปิดตัวมาตรการควบคุมใหม่ที่ครอบคลุมสำหรับการจดทะเบียนโทเคนของโครงการคริปโต พร้อมบังคับใช้โมเดลกำกับดูแลสองฝ่ายที่ประกอบด้วยธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และการคุ้มครองผู้ลงทุนในอุตสาหกรรมคริปโตที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
หัวใจสำคัญของกรอบกำกับดูแลคือการแบ่งหน้าที่ชัดเจนระหว่าง BSP และ SEC โดย BSP มีหน้าที่กำกับดูแลผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล (VASP) ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มซื้อขาย การโอน และการดูแลสินทรัพย์ พร้อมกับการบังคับใช้กฎ ‘รู้จักลูกค้า’ (KYC) และมาตรการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) ในขณะที่ SEC รับผิดชอบดูแลโทเคนที่ถูกจัดประเภทเป็นหลักทรัพย์ โดยกำกับกระบวนการจดทะเบียนหรือยกเว้นการจดทะเบียน รวมถึงรักษาเสถียรภาพของตลาด
ในด้านกฎหมาย ยังมีหน่วยงานอย่างกรมสรรพากรฟิลิปปินส์ (BIR) ที่ถือว่าสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นทรัพย์สินและเก็บภาษีกำไรจากเงินทุนในอัตรา 6% นอกจากนี้ยังมีการอ้างอิงกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (RA 10173) และกฎหมายป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ (RA 10175) ที่จะนำมาใช้เพื่อรับมือกับปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล การแฮ็ก และการฉ้อโกง
การขอใบอนุญาต VASP ต้องผ่านเงื่อนไขที่เข้มงวด เช่น ต้องแสดงให้เห็นว่าองค์กรมีโครงสร้างธรรมาภิบาล ระบบความปลอดภัยไซเบอร์ และมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างรัดกุม รวมถึงมีเงินทุนขั้นต่ำตามข้อกำหนด ขณะเดียวกันยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น การประเมินความเสี่ยง การระบุตัวตนลูกค้า และการวิเคราะห์ประเภทของโทเคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องปฏิบัติตามกฎ ‘Travel Rule’ ของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อการดำเนินมาตรการทางการเงินระหว่างประเทศ (FATF) ซึ่งกำหนดให้ธุรกรรมคริปโตที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.39 แสนบาท) ต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ส่งและผู้รับอย่างครบถ้วน
การฝ่าฝืนกฎระเบียบอาจนำไปสู่บทลงโทษรุนแรง เช่น ค่าปรับสูงสุดถึง 5 ล้านเปโซ (ประมาณ 1.29 ล้านบาท) จาก SEC พร้อมค่าปรับรายวันเพิ่มอีก 2,000 เปโซ (ประมาณ 5.1 พันบาท) สำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามการเปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้องอาจถูกจำคุกสูงสุดถึง 21 ปี ด้าน BSP สามารถเรียกค่าปรับสูงสุด 3 เท่าของมูลค่าธุรกรรม และมีสิทธิระงับใบอนุญาต ส่วนกรณีที่ละเมิด AML อาจถูกลงโทษปรับสูงสุดถึง 5 ล้านเปโซ และจำคุกไม่เกิน 14 ปี หากมีการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อาจถูกปรับสูงสุด 5 ล้านเปโซและจำคุกสูงสุด 6 ปีเช่นกัน
จากมาตรการที่ประกาศใช้ ฟิลิปปินส์ได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการควบคุมการจดทะเบียนสินทรัพย์คริปโตอย่างเป็นระบบมากที่สุด และครอบคลุมตั้งแต่การออกโทเคน การแลกเปลี่ยน การเก็บรักษา ไปจนถึงการโอน สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดที่เคยคลุมเครือ ซึ่ง *ความคิดเห็น* อาจนำไปสู่การดึงดูดความไว้วางใจจากนักลงทุนต่างชาติได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ที่การรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมบล็อกเชนในฟิลิปปินส์ในระยะยาว
ความคิดเห็น 0