บิตคอยน์(BTC) ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 108,000 ดอลลาร์ ขณะพยายามเจาะแนวต้านที่ 110,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางบรรยากาศในตลาดที่เต็มไปด้วยการเฝ้าระวังและการเก็งกำไร ล่าสุดมีสัญญาณบ่งชี้ว่า ‘เมกาไวล์’ นักลงทุนรายใหญ่อันดับต้นๆ กำลังค่อย ๆ สะสมบิตคอยน์อย่างเงียบ ๆ สวนทางกับความเคลื่อนไหวของราคาที่ดูสงบนิ่ง
จากข้อมูลออนเชนล่าสุด พบว่าจำนวนกระเป๋าเงินที่ถือบิตคอยน์มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์ (ราว 139 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นถึง 4.23% ภายในสัปดาห์เดียว สะท้อนชัดถึงความเชื่อมั่นในแนวโน้มระยะยาวของบิตคอยน์จากนักลงทุนสถาบันและกลุ่มคนรวยที่ยังไม่สะทกสะท้านกับความผันผวนระยะสั้น ความเคลื่อนไหวที่เรียกว่า ‘การสะสมแบบเงียบ’ นี้ กำลังกลายเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าถึงแนวโน้มตลาดขาขึ้นที่อาจจะหวนกลับมา
ไม่เพียงแต่นักลงทุนรายใหญ่เท่านั้น ผู้ถือครองรายย่อยในระดับปานกลางก็มีการเพิ่มการถือครองบิตคอยน์เช่นกัน โดยกระเป๋าที่ถือครองสินทรัพย์คริปโตมูลค่า 100,000–1,000,000 ดอลลาร์ (ราว 1.39–13.9 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 2.71% ขณะที่กลุ่มที่ถือครองระหว่าง 1–10 ล้านดอลลาร์ (ราว 13.9–139 ล้านบาท) ก็เพิ่มขึ้น 2.34% ในช่วงเวลาเดียวกัน ปรากฏการณ์นี้ชี้ว่า ‘ความเชื่อมั่นในระยะยาว’ กำลังเกิดขึ้นพร้อมกันในหลายระดับของนักลงทุน
ในแง่เทคนิค ราคา *บิตคอยน์* ยังคงแกว่งตัวบริเวณ 108,000 ดอลลาร์ โดยมีระดับ 110,000 ดอลลาร์เป็นแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง ค่า RSI อยู่ที่ 55 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดยังไม่เข้าสู่ภาวะร้อนแรงและยังมีพื้นที่ให้ราคาขยับขึ้นต่อได้อย่างมั่นคง
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ ‘ทิศทางใหม่ของจิตวิทยาการลงทุน’ ขณะนี้นักลงทุนสถาบันหลายรายเริ่มกลับมาเปิดสถานะซื้อในเชิงยุทธศาสตร์ โดยมองข้ามความผันผวนระยะสั้น และเตรียมตัวสำหรับการเติบโตในระยะยาว *ความคิดเห็น* แม้ความเคลื่อนไหวเหล่านี้จะยังไม่ปรากฎชัด แต่ในวงการวิเคราะห์เสียงเริ่มหนักแน่นขึ้นว่ากำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ตลาดขาขึ้นรอบใหม่
หาก *บิตคอยน์* สามารถทะลุแนวต้าน 110,000 ดอลลาร์ได้พร้อมปริมาณการซื้อขายที่หนุน ก้าวต่อไปคือแนวต้านเชิงจิตวิทยาที่ 120,000 ดอลลาร์ (ราว 166.8 ล้านบาท) โดยเฉพาะหากได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของ ETF ที่เน้นลงทุนในบิตคอยน์ อาจทำให้มูลค่าตลาดเร่งตัวขึ้นจนสามารถทำลายสถิติสูงสุดเดิมได้ภายในปีนี้อย่างไม่ยากนัก
แม้การสะสมในลักษณะนี้จะยังไม่สะท้อนออกมาในราคาหน้ากระดานเทรด แต่ความเข้มข้นของการเคลื่อนไหวเบื้องหลังตลาดอาจเป็น ‘จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่’ ในช่วงเวลาที่ใครหลายคนยังไม่ได้สังเกตเห็น
ความคิดเห็น 0