สเตลลาร์(XLM) สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับตลาดคริปโตอีกครั้ง หลังเกิดความ ‘ไม่สมดุลของการชำระบัญชี’ (Liquidation Imbalance) สูงถึง 6,253% ภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง ส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนทั่ววงการ โดยการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วกลายเป็นสาเหตุให้มีการชำระบัญชีในปริมาณมาก ซึ่งสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อกลุ่มผู้ลงทุนฝั่งชอร์ต
จากข้อมูลของ CoinGlass เมื่อวันที่ 24 พบว่าในหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา นักลงทุนที่ถือชอร์ตโพสิชันในสเตลลาร์ต้องเผชิญกับความเสียหายรวมกว่า 160,090 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 22.29 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน ตลาดคริปโตโดยรวมปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สเตลลาร์สามารถขยับตัวตาม จากนั้นตลาดก็เริ่มเผชิญความผันผวนจากทั้งฝั่งชอร์ตและลอง โดยกลุ่มผู้ลงทุนฝั่งลองก็มีการชำระบัญชีรวมกันกว่า 2,560 ดอลลาร์ หรือประมาณ 356,000 บาท
ส่วนสำคัญของปรากฏการณ์ในครั้งนี้คือการอัปเดตเครือข่าย ‘Core v23.0.0rc2’ ของสเตลลาร์ที่ใกล้จะเกิดขึ้นบนเมนเน็ต แม้จะยังไม่ได้เปิดใช้อย่างสมบูรณ์ แต่ข่าวดังกล่าวได้จุดประกายความคาดหวังในหมู่นักลงทุน ส่งผลให้ ‘ราคาของเหรียญถูกผลักดันขึ้น’ โดยคาดว่าข่าวดีนี้เองเป็นองค์ประกอบสำคัญที่หนุนราคาขึ้นเฉลี่ย 8% ในช่วงก่อนหน้า และกลายเป็นตัวเร่งในการพลิกเทรนด์รอบล่าสุด
ณ เวลารายงาน ราคา XLM ปรับตัวขึ้นแรง 13.98% ภายในเวลา 24 ชั่วโมง สู่ระดับ 0.2884 ดอลลาร์ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายพุ่งขึ้นกว่า 46.05% หรือกว่า 373.65 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,197 ล้านบาท) ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงแรงซื้อที่ล้นหลามและเป็นสัญญาณของโมเมนตัมเชิงบวกในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ‘แนวต้านทางเทคนิค’ ในเฟสถัดไปจะเป็นปัจจัยตัดสินว่าราคาจะสามารถรักษาทิศทางขาขึ้นได้หรือไม่
ที่น่าสนใจคือ XRP ซึ่งถือเป็นคู่แข่งโดยตรงในตลาดการชำระเงินข้ามพรมแดน ไม่ได้ปรับตัวแรงแบบเดียวกัน โดยมีการขึ้นราคาเพียง 3.88% ในช่วงเวลาเดียวกัน สะท้อนภาพ ‘การเคลื่อนไหวแบบแยกขั้ว’ (Decoupling) และบ่งชี้ว่าทั้งสองเหรียญอาจเข้าสู่รอบโมเมนตัมที่ต่างกันในระยะสั้น
นักวิเคราะห์ตลาดจำนวนมากกำลังจับตาว่า XLM จะยังสามารถรักษาแนวโน้มขาขึ้นต่อไปได้หรือไม่ โดยเทรดเดอร์รายหนึ่งแสดง ’ความคิดเห็น‘ ว่า “หลังจากเกิด Golden Cross แบบล่าช้า เห็นได้ว่ามีแรงสะสมเกิดขึ้นต่อเนื่อง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ราคาจะพุ่งแรงในรอบนี้ ขณะเดียวกัน เมื่อเครือข่ายมีการปรับปรุงควบคู่กับการชำระบัญชีจำนวนมาก ก็อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้การเปลี่ยนแนวโน้มในระยะกลางถึงยาว"
แม้การพุ่งขึ้นในรอบนี้อาจถูกมองว่าเป็น ‘ราคาผันผวนชั่วคราว’ แต่ด้วยปัจจัยเทคนิคและอารมณ์ตลาดที่เปลี่ยนไป เหตุการณ์นี้ก็อาจกลายเป็น ‘จุดเปลี่ยนสำคัญ’ ของสเตลลาร์ ระหว่างทางตลาดยังคงมีความผันผวนสูง ดังนั้นนักลงทุนควรเตรียมกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงไว้อย่างรอบคอบ
ความคิดเห็น 0