บิตคอยน์(BTC) พุ่งทำสถิติแตะ ‘จุดสูงสุดตลอดกาล’ อีกครั้งในสัปดาห์นี้ สร้างกระแสคึกคักทั่วตลาดคริปโต โดยมีอัล트คอยน์หลักอย่างไฮป์(HYPE), อีเธอเรียม(ETH), และริปเปิล(XRP) พากันทะยานตาม ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ออกมาตรการ ‘ขึ้นภาษีชุดใหม่’ ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เร่งให้การเคลื่อนย้ายของเงินทุนไหลเข้าสู่คริปโตในระดับโลก
ราคาบิตคอยน์เริ่มเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ โดยทำลายแนวต้านระดับ 112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.5 ล้านบาท) ก่อนจะพุ่งต่อไปถึงระดับ 119,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 16.5 ล้านบาท) ภายในสองวัน ทำสถิติ *สูงสุดตลอดกาลใหม่* แม้ปัจจุบันจะอ่อนตัวเล็กน้อยมาอยู่ราว 117,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 16.2 ล้านบาท) แต่บิตคอยน์ยังคงแสดง ‘โมเมนตัมแข็งแกร่ง’ ด้วยผลตอบแทนรายสัปดาห์กว่า 8%
บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลคริปโตคริปโตควอนต์(CryptoQuant) ให้ความเห็นว่า การพุ่งขึ้นของราคาครั้งนี้ ‘แตกต่างจากรอบก่อนๆ’ โดยมีปัจจัยเชิงโครงสร้างหนุนหลัง ไม่ใช่เพียงแรงเก็งกำไรระยะสั้น ความเคลื่อนไหวจาก ‘ผู้ถือครองระยะยาว’, ‘สถาบันการเงิน’ และ ‘ข้อมูลออนเชน’ สะท้อนการเปลี่ยนมือของเหรียญจากนักลงทุนรายใหญ่ รวมถึงการเข้าซื้อของวาฬและกองทุน
ในฝั่งของอัลคอยน์ ตลาดก็แสดงสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน *อีเธอเรียม(ETH) กระโดดขึ้น 17% แตะ 2,990 ดอลลาร์ (ประมาณ 415,000 บาท)*, ขณะที่ *ริปเปิล(XRP) พุ่งขึ้น 22% สู่ระดับ 2.73 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,800 บาท)* โดจคอยน์(DOGE), คาร์ดาโน(ADA), สวี(SUI), เชนลิงก์(LINK), สเตลลาร์(XLM) และเฮเดรา(HBAR) ต่างก็ขยับขึ้นด้วยตัวเลขสองหลัก โดยเฉพาะ *ไฮป์(HYPE)* ที่โดดเด่น ด้วยการทำจุดสูงสุดใหม่ของตัวเองที่ 46 ดอลลาร์ (ประมาณ 64,000 บาท) เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าถึง 17%
ท่ามกลางคลื่นบวกของตลาดคริปโต ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงปั่นป่วนตลาดโลก ด้วยการขู่ใช้มาตรการ *ขึ้นภาษีสูงสุดถึง 35% ต่อหลายประเทศ* รวมถึงแคนาดา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และบราซิล นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งระบุว่า ความไม่แน่นอนทางการค้าและเงินเฟ้อกำลังผลักดันให้ *นักลงทุนหันมาพิจารณาคริปโตฯ* ซึ่งไม่ผูกติดกับนโยบายการเงินของรัฐหรือข้อจำกัดด้านการค้าแบบเดิมๆ
ด้านข่าวสำคัญของตลาดในช่วงนี้ก็ไม่แพ้กัน โปรเจกต์ริปเปิลเปิดเผยว่า *สเตเบิลคอยน์ RLUSD ของบริษัทได้เลือก BNYเมลลอนเป็นธนาคารผู้ดูแลทรัพย์สิน* พร้อมดันมูลค่าตลาดทะลุ 500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6,950 ล้านบาท) ขณะที่ ไบแนนซ์สมาร์ทเชนรายงานการเผาโทเคนรอบที่ 32 เสร็จสิ้น มูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 13,900 ล้านบาท) ส่วนกรณีของ GMX ถูกแฮกเกอร์ส่งคืนทรัพย์สินกว่า 42 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,838 ล้านบาท) และตกลงรับค่าตอบแทน ‘บั๊กบาวน์ตี้’ จำนวน 5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 695 ล้านบาท)
อีกข่าวใหญ่คือกระแสเงินทุนที่ *ไหลเข้าสู่ ETF อีเธอเรียมของแบล็คร็อก*($BLK) ซึ่งสามารถดึงดูดเม็ดเงินเพิ่มถึง 300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,170 ล้านบาท) ภายในเวลาเพียงวันเดียว กลายเป็นหนึ่งในแรงหนุนสำคัญที่ผลักราคาของ ETH ในรอบนี้
เวลานี้ มูลค่ารวมตลาดคริปโตกลับมาแตะระดับ 3.75 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,212 ล้านล้านบาท) สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน แม้ว่า *อัตราครองตลาดของบิตคอยน์ปรับลดเล็กน้อยอยู่ที่ 62.4%* ความผันผวนในตลาดยังมีอยู่ แต่กระแสคาดหวังของนักลงทุนเริ่มเปลี่ยนไปสู่การจับตา *แนวรับใหม่ของบิตคอยน์ และโอกาสการฟื้นตัวเป็นวงกว้างของอัลท์คอยน์* ที่อาจเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
ความคิดเห็น 0