Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะเกือบ 119,000 ดอลลาร์ หนุนโดยเม็ดเงินไหลเข้า ETF และการสะสมเหรียญระยะยาว

บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะเกือบ 119,000 ดอลลาร์ หนุนโดยเม็ดเงินไหลเข้า ETF และการสะสมเหรียญระยะยาว / Tokenpost

บิตคอยน์(BTC) กำลังเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง หลังจากเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วแตะระดับเกือบ 119,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.3 ล้านบาท) แม้ไม่มีข่าวดีเฉพาะเจาะจงใดๆ จุดประกายโดยตรง อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังการพุ่งแรงของราคาครั้งนี้ถูกวิเคราะห์ว่าเกิดจากปัจจัยหลายประการที่ผสานกันอย่างลงตัว

หนึ่งในแรงผลักสำคัญคือ ‘กระแสเงินทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่ ETF บิตคอยน์แบบสปอต’ ในสหรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 วันทำการล่าสุด เงินทุนกว่า 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1 ล้านล้านบาท) ไหลเข้าสู่ ETF เหล่านี้ โดยเฉพาะในวันที่ 10 และ 11 กรกฎาคม ที่มีเงินทุนเข้ามาถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ช่วยหนุนให้ราคาขยับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ข้อมูลยังเผยว่า วันที่ ETF มีเงินไหลออกมีเพียงวันเดียว นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน แสดงถึงแรงซื้อต่อเนื่องจากสถาบันลงทุนขนาดใหญ่

อีกหนึ่งปัจจัยหนุนสำคัญคือ ‘การเคลื่อนไหวของบริษัทข้ามชาติและบริษัทขนาดกลาง’ ที่หันมาทยอยซื้อบิตคอยน์อย่างจริงจัง ไมโครสแตรทิจี(MicroStrategy) เพิ่มถือครอง BTC เพิ่มขึ้นในระดับหลายพันล้านบาท เช่นเดียวกับเมตาแพลนเน็ต, เกมสต็อป และเซมเลอร์ ไซเอินทิฟิก ที่เข้าซื้อในระดับหลายร้อยล้านบาทและนำไปบันทึกเป็นสินทรัพย์ขององค์กร ความต่อเนื่องในการสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ แม้ไม่ได้ผลักดันราคาในทันที แต่ก็เป็น ‘สัญญาณของการลดอุปทานในตลาด’ ได้อย่างชัดเจน

เทรนด์การสะสมบิตคอยน์ไม่ได้เกิดจากสถาบันเพียงกลุ่มเดียว แม้แต่รายย่อยก็มีบทบาทสำคัญ ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ออนเชน Glassnode ชี้ให้เห็นว่า ผู้ถือเหรียญรายย่อยที่เรียกว่า ‘กุ้ง’, ‘ปู’ และ ‘ปลา’ หรือผู้ถือครองต่ำกว่า 100 BTC กำลังซื้อเพิ่มกว่า 19,300 BTC ต่อเดือน ขณะที่ BTC ใหม่ที่ถูกขุดมีเพียง 13,400 BTC เท่านั้น การสะสมในระดับนี้ก่อให้เกิด ‘แรงกดดันด้านอุปทานอย่างมีนัยสำคัญ’ และส่งผลเชิงบวกต่อราคารวม

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก CryptoQuant แสดงให้เห็นว่า จำนวน BTC ที่อยู่ในกระดานซื้อขายกำลังลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี สะท้อนว่าผู้ถือครองส่วนใหญ่กำลังโอนเหรียญออกจากตลาดเข้าสู่กระเป๋าส่วนตัว ชี้ให้เห็นถึงความตั้งใจถือระยะยาวเพิ่มขึ้น

ในเชิงเศรษฐกิจมหภาค ปัจจัยบางอย่างเริ่มกลายเป็นแรงกระตุ้นให้บิตคอยน์กลายเป็นที่จับตามองมากขึ้นเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือ ‘มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรจากประธานาธิบดีทรัมป์’ ล่าสุดสหรัฐได้ตั้งภาษีนำเข้าสูงสุดถึง 50% ต่อ 11 ประเทศและกลุ่มเศรษฐกิจ เช่น บราซิล, เมียนมา และสหภาพยุโรป สถานการณ์นี้ซึ่งในอดีตอาจสั่นคลอนตลาด กลับสร้างแรงจูงใจให้ผู้คน ‘มองหาที่พักเงินใหม่’ อย่างบิตคอยน์แทน

นักวิจัยจากบริษัทนาสเซน(Nansen) อย่างนิโคไล ซอนเดอร์การ์ด แสดงความคิดเห็นว่า นโยบายกระตุ้นการคลังและความคาดหวังในการผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐ ‘ได้สร้างสภาวะที่เอื้อต่อคริปโต’ มากขึ้น พร้อมชี้ว่าการพุ่งขึ้นของราคา BTC ไม่ได้มาจากปัจจัยมหภาคโดยตรง แต่เป็นเพราะ ‘นโยบายที่เป็นมิตรต่อสินทรัพย์ดิจิทัล’

อีกหนึ่งปัจจัยหนุนที่ไม่ควรมองข้ามคือ ‘การอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY)’ บ่งชี้ถึงการอ่อนแรงของค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งในมุมของนักลงทุนถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ หรือบิตคอยน์

ตัวแทนนักวิเคราะห์จากบิทไฟเนกซ์(Bitfinex) ชี้ว่า ราคา BTC กำลังสร้างจุดรับใหม่ที่ช่วง 111,000 - 114,000 ดอลลาร์ ซึ่งมองว่าแนวโน้มขาขึ้นยัง ‘แข็งแกร่ง’ อย่างไรก็ตาม พวกเขาเตือนว่า “ทุกการพุ่งขึ้นย่อมมีจังหวะพักตัว” พร้อมแนะจับตาความอ่อนแรงในระยะสั้น

ดัชนี RSI (Relative Strength Index) ในเชิงเทคนิคก็ถือว่าสูงกว่า 70 แล้ว บ่งชี้ถึงภาวะ ‘ซื้อมากเกินไป’ ซึ่งอาจนำไปสู่การย่อตัวในบางช่วง โดยเฉพาะหาก RSI เริ่มพลิกกลับเป็นขาลงท่ามกลางราคาที่ยังคงไต่ขึ้น นักวิเคราะห์มองว่านี่อาจเป็น ‘สัญญาณเริ่มต้นของการชะลอแนวโน้มขาขึ้น’

สุดท้าย คำถามที่ทุกคนกำลังเฝ้ารอคือ — บิตคอยน์จะสามารถรักษาระดับบูมนี้ไว้ได้หรือไม่? คำตอบนั้นอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยผสมผสานหลายด้าน แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ ตลาดกำลังตอบสนองต่อ ‘สัญญาณการสะสมระยะยาวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน’

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1