มูลค่าสินทรัพย์ของจ้างเผิง เจา(Changpeng Zhao) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ *CZ* หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งไบแนนซ์ พุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว จนทำให้เขาขยับขึ้นสู่ลำดับที่ 23 ของรายชื่อมหาเศรษฐีโลกของ *Forbes* โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 75.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว *105.3 ล้านล้านวอน* จากการที่โทเคนไบแนนซ์คอยน์(BNB) ทำสถิติราคาสูงสุดใหม่ที่ *850.70 ดอลลาร์สหรัฐ* ซึ่งถือเป็นช่วงขาขึ้นครั้งยิ่งใหญ่ของคริปโตตัวนี้
จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชนอย่าง *Nansen* พบว่า CZ ครอบครองโทเคน *BNB ราว 64% ของอุปทานทั้งหมด* คิดเป็นจำนวนประมาณ 89.1 ล้านโทเคน และถ้ารวมกับส่วนที่ไบแนนซ์ถือครองซึ่งอยู่ที่ราว 7% จะยิ่งเน้นให้เห็นถึงอิทธิพลในการควบคุมของเขาที่เหนียวแน่นมากยิ่งขึ้น *ความคิดเห็น*: การถือ BNB ในระดับนี้เท่ากับเป็นการสร้างแรงส่งต่อความเชื่อมั่นในเหรียญจากนักลงทุนรายใหญ่เองเช่นกัน
*Forbes* เคยรายงานเมื่อเดือนมิถุนายนว่ากว่า *90% ของหุ้นในไบแนนซ์ยังอยู่ภายใต้การถือครองของ CZ* และเขาเองก็เคยระบุชัดว่า “98% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด” ของเขาอยู่ใน BNB แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในระยะยาวต่อโครงการนี้
ราคาของ BNB ที่พุ่งขึ้นในรอบนี้ ไม่ได้มาจากกระแสชั่วคราว แต่สะท้อนจาก *พื้นฐานเชิงเศรษฐกิจ* ที่แข็งแกร่ง โดย *Dominic John* นักวิเคราะห์จาก Kronos Research วิเคราะห์ว่าเป็นผลจากปริมาณทรัพย์สินล็อก(TVL) ใน BNB เชนที่ทำสถิติสูงที่สุด, การเพิ่มขึ้นของอุปทานจากสเตเบิลคอยน์ และยอดการซื้อขายที่แพนเค้กสวอปที่เร่งตัวขึ้น พร้อมกันนี้ บริษัทยักษ์อย่าง *Nano Labs* ยังประกาศแผนเข้าซื้อ BNB เพิ่มอีกสูงสุดถึง 10% ของอุปทานหมุนเวียน เพื่อเติมเต็มคลังของตัวเอง
อีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ดันราคา BNB คือ *การเผาโทเคน (Burn)* อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ยอดอุปทานคงเหลือลดลง จุดนี้สร้างอิทธิพลสูงสำหรับนักลงทุนระยะยาว เพราะโทเคน BNB ทั้งระบบถูกจำกัดไว้ที่ 200 ล้านเหรียญ และการเผาในรอบต่างๆ ช่วยกระตุ้น ‘ภาวะหายาก’ ซึ่ง *คาแดน สตาเดลมาน(Kadan Stadelmann)* CTO ของ Komodo ระบุว่า “การเผาโทเคนช่วยเพิ่มความคาดหวังต่อการขึ้นราคา โดยเฉพาะเมื่อเห็นแนวโน้มการสะสมของผู้ถือ BNB รายใหญ่”
ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยหนุนที่สำคัญคือ *การอัปเกรดเทคโนโลยีครั้งล่าสุดบนเครือข่าย BNB ที่เรียกว่า ‘Maxwell’* ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการทำงานระหว่าง Validator ต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ถือเป็นพื้นฐานที่แข็งแรงสำหรับการเติบโตในระยะถัดไป
ในช่วงขาขึ้นครั้งนี้ เหรียญคริปโตตัวอื่น ๆ อย่าง บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH) และ ริปเปิล(XRP) ต่างก็ส่งสัญญาณเชิงบวกเช่นกัน บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของ ‘ความเสี่ยงในเชิงบวก’ ท่ามกลางตลาดคริปโตที่กลับมาคึกคัก BNB เองก็สามารถทะลุแนวต้านทางจิตวิทยาได้สำเร็จ และมีมูลค่าตลาดที่สูสีกับบริษัทข้ามชาติรายใหญ่ระดับโลกแล้วในขณะนี้
นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า *หากไม่มีปัจจัยลบระดับมหภาคเกิดขึ้นอย่างรุนแรง* BNB ก็มีแนวโน้มจะรักษาโมเมนตัมการเติบโตต่อไปได้ แต่ก็เตือนว่านักลงทุนควรระมัดระวังความผันผวนที่จะตามมาหลังจากช่วงพุ่งแรง และความต้องการขายทำกำไรระยะสั้นอาจส่งผลให้ตลาดมีความเปราะบางมากขึ้นในบางจังหวะ
ความคิดเห็น 0