โทเคนประจำเครือข่าย Pi อย่าง *พายคอยน์(PI)* กำลังกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง แม้จะอยู่ในภาวะตลาดหมี โดยในช่วงเดือนที่ผ่านมา ราคาของพายคอยน์ร่วงลงราว 17% ไปอยู่บริเวณ 0.43 ดอลลาร์ (ประมาณ 598 บาท) และซื้อขายอยู่ในช่วง 0.39–0.67 ดอลลาร์ (ประมาณ 542–933 บาท) ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนจนถึงปัจจุบัน แต่มีการวิเคราะห์ว่า *พื้นฐานของโปรเจกต์ยังแข็งแกร่ง* และมีสัญญาณการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าจะมีการปล่อยโทเคน PI จำนวนกว่า 10.8 ล้านเหรียญเข้าสู่ตลาดเมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลให้มีอุปทานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ *ระบบนิเวศของ Pi Network ยังคงขยายตัวอย่างมีชีวิตชีวา* นักวิเคราะห์คริปโตชื่อ คิม ฮวัง(Kim Wong) ยืนยันว่า “ไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า Pi เป็นโปรเจกต์ล้มเหลว” โดยชี้ให้เห็นถึงสถิติต่างๆ ที่น่าทึ่ง
พายคอยน์มีผู้ใช้งานมากกว่า 65 ล้านรายในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ในจำนวนนี้มีผู้ยืนยันตัวตนแบบ KYC แล้ว 18 ล้านราย และกว่า 13 ล้านรายได้ทำการย้ายโทเคนไปยังวอลเล็ตส่วนตัว ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยที่พายคอยน์ยังไม่ถูกลิสต์ในตลาดแลกเปลี่ยนหลักใดๆ
ในด้านของโซเชียลมีเดีย Pi Network ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน บนแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิมคือทวิตเตอร์) โครงการนี้มีผู้ติดตามกว่า 4.34 ล้านราย เป็นจำนวนที่มากเป็นอันดับสามของโลก เมื่อเทียบกับโครงการคริปโตอื่นๆ เป็นรองเพียง *ไบแนนซ์(1,470 ล้านผู้ติดตาม)* และ *บิตคอยน์(780 ล้านผู้ติดตาม)* เท่านั้น
ทางด้านโครงสร้างทางเทคนิค Pi ก็มีพัฒนาการที่มั่นคง ด้วยจำนวนโหนดในเทสต์เน็ต 1, 2 ไปจนถึงเมนเน็ต รวมทั้งหมดสูงถึง 400,000 โหนด ซึ่งเป็นหลักฐานว่า *โครงสร้างเครือข่ายแบบกระจายศูนย์แบบมีผู้ใช้งานจริงกำลังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ* นอกเหนือจากนั้น ยังมีกรณีการใช้งานจริงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โครงการได้จัดตั้ง “กองทุน VC ของ Pi” มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,390 ล้านบาท) เพื่อลงทุนในสตาร์ทอัพที่พัฒนาอยู่บนเครือข่าย Pi รวมถึงเปิดตัวเครื่องมือสนับสนุนต่างๆ เช่น ‘Pi App Studio’ สำหรับนักพัฒนา AI, เกม FruityPi ที่ขับเคลื่อนโดยผู้เล่น, และบริการ NFT อย่าง ‘Pi Domain’ ที่ได้รับความสนใจในวงการ
จุดแข็งที่น่าจับตามองที่สุด คือ *ศักยภาพในการใช้จ่ายจริงของโทเคน PI* ในปัจจุบันมี *ร้านค้ามากกว่า 27,000 แห่ง* ที่สามารถใช้ Pi ในการชำระเงินได้ โดยส่วนใหญ่กระจายตัวใน *เอเชีย แอฟริกา และลาตินอเมริกา* สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการใช้งานพายคอยน์ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดเชิงทฤษฎี แต่เริ่มมีกรณีใช้งานจริงแพร่หลายอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด แอปวอลเล็ตของ Pi ได้เพิ่มฟีเจอร์ ‘Buy Pi’ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อโทเคนด้วยเงินสกุลท้องถิ่นได้โดยตรง ซึ่ง *ถือเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการลิสต์ในตลาดซื้อขาย* ทั้งในแง่ของสภาพคล่องและการเข้าถึงที่สะดวกมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าราคาของพายคอยน์ในระยะสั้นจะยังผันผวนอยู่ แต่ *ฐานผู้ใช้งานขนาดใหญ่, โครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง, และแนวโน้มการใช้งานจริงที่ขยายตัว* ล้วนเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า Pi Network เป็นโครงการที่ยังคงมีอนาคต หากเกิดการพัฒนาในด้าน *การลิสต์บนตลาดแลกเปลี่ยนสำคัญ* และชัดเจนในด้าน *โครงสร้างการกำกับดูแล* อาจเห็นพายคอยน์ทำราคากลับขึ้นเหนือระดับ 1 ดอลลาร์อีกครั้งได้ในอนาคต
ความคิดเห็น 0