กลุ่มกำกับสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ ที่อยู่ภายใต้การบริหารของทรัมป์ ได้เผยแพร่รายงานนโยบายด้านคริปโตอย่างเป็นทางการ หลังมีการส่งสัญญาณมาหลายเดือน รายงานฉบับนี้ได้เผย ‘พิมพ์เขียว’ สำหรับการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต ซึ่งครอบคลุมทั้งโครงสร้างของตลาดคริปโต การจัดสรรอำนาจกำกับดูแลใหม่ มาตรฐานในภาคธนาคาร บทบาทของสเตเบิลคอยน์ในการเสริมความแข็งแกร่งของ *ดอลลาร์สหรัฐ* และแนวทางภาษีคริปโตในอนาคต
ประเด็นสำคัญของรายงานเน้นที่การจำแนกลักษณะของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจน โดยเสนอให้จัดตั้งระบบ ‘การจำแนกประเภทคริปโต’ (taxonomy) เพื่อตัดสินว่าสินทรัพย์ใดควรถือว่าเป็น ‘หลักทรัพย์’ และสินทรัพย์ใดเป็น ‘สินค้าโภคภัณฑ์’ เป้าหมายคือการลดความไม่แน่นอนทางกฎหมาย ซึ่งเคยเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาตลาดในช่วงที่ผ่านมา *ความคิดเห็น: หากสามารถจัดประเภทได้ชัดเจนก็จะช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่นักลงทุนกังวลกันมาโดยตลอด*
รายงานยังระบุให้มีการปรับโครงสร้างอำนาจการกำกับดูแล โดยเสนอให้คณะกรรมการการซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐฯ (CFTC) ร่วมกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ร่วมกันดูแลตลาด ขณะที่ CFTC ควรมีบทบาทหลักในการกำกับดูแลตลาดคริปโตแบบ ‘สปอต’ หรือซื้อขายในตลาดจริง แนวทางนี้สอดคล้องกับแนวคิดล่าสุดของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ต้องการให้ CFTC เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลอุตสาหกรรมคริปโต
นอกจากนี้ รายงานยังเสนอให้มีการใช้ *สเตเบิลคอยน์* เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของดอลลาร์ในระดับโลก พร้อมเสนอการจัดตั้งระบบภาษีใหม่สำหรับคริปโต เพื่อรองรับการจัดการทรัพย์สินดิจิทัลในระบบการเงินแบบดั้งเดิมอย่างเป็นระบบ โดยทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อนำพาสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่กรอบกฎหมายและนโยบายอย่างจริงจัง
เอกสารฉบับนี้ซึ่งจัดทำโดยคณะที่ปรึกษาของทรัมป์ ถูกมองว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในกรอบนโยบายคริปโตของสหรัฐฯ หลังปี 2025 หากแผนการดังกล่าวออกมาเป็นรูปธรรม จะช่วยขจัดความไม่แน่นอนด้านกฎหมายที่เคยกดดันตลาดมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม การแบ่งอำนาจระหว่าง CFTC และ SEC ยังเสี่ยงที่จะกลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่จะกระทบต่อการดำเนินแผนในอนาคต
ความคิดเห็น 0