มูลค่ากำไรที่ยังไม่ขายของนักลงทุนบิตคอยน์(BTC)แตะระดับสูงถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,946 ล้านล้านวอน สร้างความคาดหวังต่อการปรับขึ้นของราคาในตลาดคริปโตอย่างร้อนแรง แต่ในขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าระดับกำไรสะสมที่สูงเช่นนี้อาจกลายเป็น ‘แรงกดดันในการกระจายขาย’ เสี่ยงกระตุ้นให้เกิดการเทขายอย่างรวดเร็วในอนาคต
จากรายงานของบริษัทวิเคราะห์ธุรกรรมบนบล็อกเชนอย่างละเอียดอย่าง ‘Glassnode’ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ระบุว่ามูลค่ากำไรที่ยังไม่ถูกขายของผู้ถือครองบิตคอยน์ได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ ด้วยมูลค่าทะลุ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเมื่อต้นเดือนอย่างมีนัยสำคัญ และสะท้อนถึงพฤติกรรมของนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ยังคง ‘ถือครอง’ แทนการขายทำกำไร
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ราคาบิตคอยน์ได้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 123,000 ดอลลาร์ ก่อนจะปรับตัวลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับประมาณ 118,000 ดอลลาร์ในปัจจุบัน (ประมาณ 16.44 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงมองบวกต่อทิศทางตลาด โดยเลือกถือครองระยะยาวมากกว่าการเทขายในระยะสั้น
ทางด้าน Glassnode ได้แสดง ‘คำเตือน’ ว่าการสะสมกำไรที่ยังไม่ถูกขายในระดับใหญ่ขนาดนี้อาจกลายเป็นความเสี่ยงต่อแรงกดดันในการขายโดยฉับพลันได้ หากราคาขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในอนาคต โดยระบุว่า “แม้แนวโน้มขาขึ้นยังควบคุมตลาด แต่ก็มีความเสี่ยงที่แรงขายจะเกิดขึ้นรวดเร็วจากแรงกระตุ้นในระยะสั้น”
ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีสัญญาณของการขายทำกำไรในกลุ่ม ‘วาฬ’ หรือผู้ถือครองรายใหญ่ โดยข้อมูลระบุว่า Galaxy Digital ได้ดำเนินการขายบิตคอยน์จำนวนกว่า 80,000 BTC ให้กับนักลงทุนรายหนึ่งที่ถือครองมาตั้งแต่ช่วงแรกของตลาด คิดเป็นมูลค่าประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.25 ล้านล้านวอน) ซึ่งเป็นหนึ่งในการขายที่ใหญ่ที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และสะท้อนท่าทีการมองว่าราคาบิตคอยน์ในปัจจุบันอาจเข้าใกล้ ‘จุดสูงสุด’
แม้บรรยากาศการถือระยะยาวยังไม่เปลี่ยนแปลง นักวิเคราะห์หลายคนแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาความเป็นไปได้ของปรับฐานในระยะกลางจากปัจจัย ‘การทำกำไรก้อนใหญ่’ และ ‘ภาพรวมของพอร์ตตลาด’ ด้วยมุมมองที่รอบคอบ การบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัยจึงกลายเป็น ‘หัวใจ’ สำคัญสำหรับนักลงทุนในจุดนี้
ความคิดเห็น 0