อีเธอเรียม(ETH) ยังคงเดินหน้าเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยเสริมความเป็นผู้นำในตลาดคริปโตให้ชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของอีเธอเรียมนี้กลับกลายเป็น *แรงกดดันอย่างหนัก* ต่อเหรียญทางเลือกหรือที่รู้จักกันในชื่อ *อัลท์คอยน์* ไม่ว่าจะเป็น ริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL) และเหรียญอื่น ๆ ที่ต่างปรับตัวลงเมื่อเทียบกับอีเธอเรียม สร้างความกังวลในหมู่นักลงทุนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่มีแนวโน้มจะกลายเป็น ‘ภาวะซบเซาเมื่อเทียบกับ ETH’ อย่างชัดเจน
ข้อมูลล่าสุดพบว่า ในสัปดาห์นี้มูลค่าของอัลท์คอยนโดยเฉลี่ยลดลงราว 4% เมื่อเทียบกับอีเธอเรียม สะท้อนให้เห็นว่าอีเธอเรียมไม่ได้แค่เพิ่มมูลค่าจากการแข็งค่าดอลลาร์ แต่ยังขยาย ‘ส่วนแบ่ง’ ทางตลาดจากภายในด้วย ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค บ่งชี้ว่า RSI ของอีเธอเรียมอยู่ในขาขึ้นและมาพร้อมกับปริมาณซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งราคายังเคลื่อนไหวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยสำคัญหลายเส้นอย่างมั่นคง ตรงข้ามกับดัชนีรวมของอัลท์คอยน์(TOTAL3) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสัดส่วนที่ลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับอีเธอเรียม ตอกย้ำภาพของการ *ไหลเวียนของเงินทุนเข้าสู่อีเธอเรียม*
สาเหตุของสถานการณ์นี้มีหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือกระแสนักลงทุนที่หันมาให้ความสนใจกับอีเธอเรียม ซึ่งถูกมองว่าเป็นเหรียญที่มีเสถียรภาพมากกว่า สืบเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้น เช่น ประเด็นการเปิดตัว ETF และผลตอบแทนจากการสเตกกิง โดยเฉพาะการกลับเข้ามาลงทุนของ *นักลงทุนสถาบัน* ที่ช่วยส่งเสริมกระแสเงินทุนให้ไหลเข้าสู่อีเธอเรียมอย่างชัดเจน
ขณะเดียวกัน ก็มีหลายอัลท์คอยน์ที่ยังไม่สามารถสร้าง ‘แรงผลักดัน’ ให้กับราคาของตัวเองได้เท่าไรนัก เหรียญที่ไม่มีข่าวสารใหม่เกี่ยวกับกรณีการใช้งานหรือการพัฒนาเครือข่ายเพิ่มเติม เช่น ริปเปิล และโซลานา ต่างเจอกับปัญหากระแสเงินทุนที่ *หยุดนิ่ง* แม้จะมีความพยายามจัดการกับโครงสร้างพื้นฐานและปัญหาด้านกฎหมายก็ตาม แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะไล่ตามอีเธอเรียมได้
*ความคิดเห็น* จากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ควรจับตาการหมุนเวียนของกระแสเงินทุนอย่างใกล้ชิด เพราะหากอีเธอเรียมสามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.56 ล้านบาท) ได้สำเร็จ อาจทำให้ ‘อิทธิพล’ ของ ETH ต่ออัลท์คอยน์เพิ่มขึ้นอีกขั้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่ *ตลาดขาลงของอัลท์คอยน์รอบใหม่* โดยเฉพาะหาก ‘การหมุนเวียนธีมลงทุน’ ไม่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ บรรดาเหรียญขนาดเล็กก็จะยิ่งอยู่ในภาวะเสี่ยงสูง
นักวิเคราะห์ในตลาดคริปโตจึงให้คำแนะนำว่า หากพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุนมีสัดส่วนของอัลท์คอยน์ค่อนข้างมาก ควรพิจารณาปรับสมดุลในระยะสั้น โดยเฉพาะเหรียญที่ไม่มีทิศทางหรือถูกซื้อขายบนพื้นฐานการเก็งกำไรจากราคาสูงในอดีต ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
โดยรวมแล้ว ความแข็งแกร่งของอีเธอเรียมในขณะนี้สะท้อนให้เห็นแนวโน้มของตลาดที่ให้ความสำคัญกับ *คุณภาพของสินทรัพย์* มากกว่าความหลากหลาย อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังการเติบโตนั้น คือความเสี่ยงที่มาจากการลดความน่าสนใจและ ‘การเจือจางของมูลค่า’ ของโครงการขนาดเล็ก ทำให้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนในการทบทวนกลยุทธ์อีกครั้ง
ความคิดเห็น 0