กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) และหน่วยงานด้านสถิติของหลายประเทศเตรียมรวม ‘บิตคอยน์(BTC)’ และสินทรัพย์คริปโตอื่น ๆ ไว้อย่าง *เป็นทางการในงบดุลของประเทศ* ตามมาตรฐานระหว่างประเทศชุดใหม่ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการสถิติแห่งสหประชาชาติ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น *จุดเปลี่ยนทางสถาบันครั้งแรก* ที่ยอมรับว่า ‘สินทรัพย์ดิจิทัลมีมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง’
ระบบใหม่ใช้เกณฑ์ ‘ระบบบัญชีประชาชาติ(SNA)’ ฉบับอัปเดต ซึ่งจัดประเภทคริปโตว่าเป็น ‘สินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดผลผลิตและไม่ใช่สินทรัพย์ทางการเงิน’ แม้จะไม่ถูกนำมาคำนวณในตัวเลข GDP แต่ *คริปโตจะถูกบันทึกในงบดุลของภาครัฐ* เช่น รายงานสินทรัพย์สุทธิและสถานะการเงินของประเทศ โดยเฉพาะหากคริปโตถูกถือครองโดยรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ หรือธนาคารกลาง จึงทำให้ *สินทรัพย์ดิจิทัลมีพื้นที่ในข้อมูลการคลังระดับชาติ*
IMF เคยชี้ว่า ระบบสถิติปัจจุบันไม่สะท้อน ‘อิทธิพลทางเศรษฐกิจของคริปโต’ อย่างเหมาะสม ทั้งที่บิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ถูกใช้อย่างกว้างขวางทั้งเป็น *สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนและทางเลือกด้านการลงทุน* และยังส่งผลต่อ *เสถียรภาพทางการเงินและนโยบายภาษี* อีกด้วย มาตรฐานใหม่จึงมีเป้าหมายเพื่อ *เพิ่มความชัดเจนทางสถิติของคริปโต* และช่วยให้การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลมีความแม่นยำมากขึ้น
นอกจากคริปโตแล้ว ระบบบัญชีฉบับใหม่ยังรวมถึงองค์ประกอบของเศรษฐกิจใหม่ เช่น *บริการปัญญาประดิษฐ์ (AI), แพลตฟอร์มคลาวด์, และคอนเทนต์ดิจิทัล* ซึ่งสะท้อนว่าระบบการเงินแห่งอนาคตจะผนวก ‘สินทรัพย์นำโดยเทคโนโลยี’ ไว้ในวิธีประเมินเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการมากยิ่งขึ้น
ความเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลโดยตรงต่อ เอลซัลวาดอร์ ซึ่งมีความสัมพันธ์ตึงเครียดกับ IMF นับตั้งแต่ประกาศให้บิตคอยน์เป็น ‘เงินถูกกฎหมาย’ ในปี 2021 แม้จะถูกร้องเตือนจาก IMF ก็ตาม เอลซัลวาดอร์ยังคงซื้อสะสมบิตคอยน์อย่างต่อเนื่อง โดยรายงานทางการเผยว่าปัจจุบันถือครอง *มากกว่า 6,000 BTC* ซึ่งเทียบเท่าประมาณ *1,044 พันล้านวอน หรือราว 8,000 ล้านบาท* หากระบบ SNA ใหม่มีผลบังคับใช้ จำนวนบิตคอยน์นี้อาจ *สะท้อนออกมาเป็นตัวเลขในดัชนีความมั่งคั่งของประเทศ*
IMF วางแผนสนับสนุนให้ประเทศสมาชิก *นำระบบบัญชีประชาชาติฉบับใหม่ไปใช้ตั้งแต่ปี 2029 ถึง 2030* สิ่งนี้จะช่วยให้ประเทศที่ถือครองคริปโตในสัดส่วนสูง สามารถ *เปิดเผยสถานะทางการเงินได้โปร่งใสยิ่งขึ้น และปรับตัวเข้าสู่กรอบกำกับดูแลระดับโลก* ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ในภาพรวม มาตรฐานใหม่นี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ *เร่งให้คริปโตถูกยอมรับในระบบการเงินกระแสหลัก* อย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น 0