เฮนริก เซเบิร์ก นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์การเงินชาวเดนมาร์กออกโรงเตือนว่า *บิตคอยน์(BTC)* และดัชนีแนสแด็กอาจเกิดการ ‘ร่วงพร้อมกัน’ หลังจากเขาประเมินว่าตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ในภาวะ ‘ฟองสบู่’ และหากฟองสบู่นี้แตก ดิจิทัลแอสเซต เช่น บิตคอยน์ ก็จะไม่สามารถรอดพ้นได้
เมื่อวันที่ 8 (เวลาท้องถิ่น) เซเบิร์กโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียว่า *บิตคอยน์มีแนวโน้มจะร่วงลงอย่างรุนแรงไปพร้อมกับดัชนีแนสแด็ก 100* เนื่องจากทั้งสองต่างเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เขาย้ำว่า บิตคอยน์ไม่ได้เคลื่อนไหวตามปัจจัยทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่ยังเคลื่อนไหวตาม *สภาพคล่องของตลาดโลกและจิตวิทยานักลงทุน* อีกด้วย
เซเบิร์กยังอ้างถึงอัตราส่วนมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐต่อ GDP ที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเงินโลกปี 2007 พร้อมระบุว่า "ตอนนี้คือช่วงปลายสุดของฟองสบู่ทางการเงิน" เขามองว่าการเติบโตที่มากเกินไปของสินทรัพย์เทคโนโลยีเริ่มก่อให้เกิด *ภาวะร้อนแรงแบบฟองสบู่* อย่างเห็นได้ชัด
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่เขานำเสนอคือ ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของ *บิตคอยน์กับแนสแด็ก* เนื่องจากทั้งสองเป็นสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวดีในภาวะ ‘เสี่ยงเปิด (risk-on)’ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องสูงและนักลงทุนยอมรับความเสี่ยงมากขึ้น เขาเชื่อว่า บิตคอยน์และแนสแด็กที่ *เคลื่อนไหวสอดคล้องกันไม่ใช่เหตุการณ์บังเอิญ* แต่เป็นผลมาจากพื้นฐานเดียวกันคือ *การอิงกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี*
จากข้อมูลล่าสุด ดัชนีแนสแด็กเมื่อวันที่ 8 พุ่งแตะระดับสูงสุดระหว่างวันที่ *21,464 จุด* ขณะที่ *บิตคอยน์ก็พุ่งแตะ 118,336 ดอลลาร์สหรัฐ* หรือประมาณ 1.64 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดประจำปี แม้แนวโน้มยังดูสดใส แต่อีกด้านหนึ่งหากเกิด ‘การปรับฐาน’ แรงกระแทกอาจรุนแรงเท่ากับมุมมองเชิงบวกที่ถูกสะสมไว้ในช่วงก่อนหน้า
เซเบิร์กเน้นย้ำว่า สินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ขณะนี้ถูกตีมูลค่าสูงเกินจริง และนักลงทุนกำลัง ‘มองข้ามความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง’ ด้วยความหลงใหลในผลตอบแทนระยะสั้น บิตคอยน์ในความเห็นของเขาจึงเป็น *สินทรัพย์ที่เก็งกำไรจากความคาดหวังในการเติบโตของเทคโนโลยี* ซึ่งจะล้มครืนหากฟองสบู่แตก
การวิเคราะห์ของเซเบิร์กครั้งนี้สะท้อนมุมมองที่ท้าทายความเชื่อมั่นในตลาดปัจจุบัน แม้ว่าสภาพแวดล้อมดอกเบี้ยต่ำและการเติบโตของกลุ่มเทคโนโลยีจะดึงดูดนักลงทุนได้อย่างดียิ่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่กำลังขยายตัวเช่นกัน ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญเช่นเซเบิร์กจึงเป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุน *ระมัดระวังมากขึ้นในสถานการณ์ที่ดูเหมือนสดใส*
ความคิดเห็น 0