รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ มุ่งเป้าไปยัง *เครือข่ายคริปโตที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซีย* และ *สถาบันการเงินในคีร์กีซสถาน* ซึ่งถูกกล่าวหาว่าใช้เป็นช่องทางหลีกเลี่ยงมาตรการลงโทษจากกลุ่มประเทศตะวันตก โดยหนึ่งในเป้าหมายหลักคือโครงข่ายการดำเนินงานของ *สเตเบิลคอยน์ที่อิงจากเงินรูเบิลของรัสเซีย* ซึ่งมีปริมาณการซื้อขายสูงถึงราว 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.29 ล้านล้านวอน) ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือน
มาตรการครั้งนี้เป็นการขยายจากรายชื่อที่สหราชอาณาจักรใช้คว่ำบาตรรัสเซียอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ยอดรวมมาตรการคว่ำบาตรในปัจจุบันทะลุ 2,700 กรณี โดยประกาศดังกล่าวมีขึ้นภายหลังสหรัฐฯ ได้ดำเนินการคล้ายกันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
รายชื่อเป้าหมายของการคว่ำบาตรครั้งนี้รวมถึง *ธนาคารแคปิตอลแห่งเอเชียกลาง (Capital Bank of Central Asia)* ในคีร์กีซสถาน และ *คานเทเมียร์ ชาลบาเยฟ(Kantemir Chalbayev)* ซึ่งเป็นกรรมการของธนาคารดังกล่าว โดยรัฐบาลสหราชอาณาจักรระบุว่าธนาคารแห่งนี้ถูกใช้เป็น ‘ช่องทางจัดหาเงินทุนสำหรับซื้ออาวุธให้แก่รัสเซีย’ นอกจากนี้ *แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตของคีร์กีซสถาน ได้แก่ กรีนเอ็กซ์(Grinex)* และ *เมียร์(Meer)* ก็ถูกเพิ่มเข้าในบัญชีดำเช่นกัน
สิ่งที่น่าจับตาเป็นพิเศษคือ *สเตเบิลคอยน์ A7A5* ซึ่งได้รับการพัฒนาด้วยระบบการกระจายศูนย์ขั้นสูงและมีโครงสร้างใกล้เคียงกับเงินรูเบิล โดยรัฐบาลสหราชอาณาจักรประเมินว่าคอยน์ดังกล่าวเป็นความพยายามอย่างชัดเจนของรัสเซียในการ *เลี่ยงการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก* และถูกนำมาใช้ในการซื้อขายคริปโตระหว่างประเทศในวงกว้างภายในเวลาอันรวดเร็ว
ความคิดเห็น: ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงความกังวลของประเทศตะวันตกที่ว่า *คริปโตเคอร์เรนซี* อาจกลายเป็น ‘เครื่องมือในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ’ และเปิดเผยบทบาทใหม่ของ *สินทรัพย์ดิจิทัลในบริบทภูมิรัฐศาสตร์*
รัฐบาลสหราชอาณาจักรยืนยันว่าจะเพิ่มการเฝ้าระวังต่อ *สเตเบิลคอยน์และโครงสร้างบล็อกเชน* ที่อาจถูกใช้เป็นช่องทางหลีกเลี่ยงคว่ำบาตรเพิ่มเติมในอนาคต
ความคิดเห็น 0