บิตคอยน์(BTC) แม้จะดีดตัวขึ้นช่วงสั้น ๆ หลังการประชุม Jackson Hole Symposium ที่รัฐไวโอมิงของสหรัฐ แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคากลับอ่อนตัวลงอีกครั้ง สะท้อนถึง *แนวโน้มขาลง* ที่เริ่มกลับมาเด่นชัด ท่ามกลางความคาดหวังเรื่องการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นในการลงทุน และท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่ผ่อนคลายลง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้น 3.91% จากระดับ 111,700 ดอลลาร์ (ราว 1.55 ล้านบาท) ไปแตะระดับ 117,300 ดอลลาร์ (ราว 1.62 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นรายวันที่แรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม และส่งแรงกระตุ้นให้ตลาดกลับมาคาดหวัง *จุดสูงสุดใหม่* อีกครั้ง ทว่าแรงซื้อดังกล่าวก็อ่อนลงอย่างรวดเร็ว โดยในวันจันทร์ ราคาตกกลับลงมาที่ระดับ 110,600 ดอลลาร์ (ราว 1.53 ล้านบาท) แสดงถึงแรงกดดันฝั่งขายที่กลับมาทำงานอีกครั้ง
ข้อมูลจากบล็อกเชนยังสะท้อนภาพความไม่มั่นใจของนักลงทุน โดยมีสัญญาณการขายจากกระเป๋าเงินขนาดกลางจำนวนมาก ทำให้โซนราคา 105,000 ดอลลาร์ (ราว 1.46 ล้านบาท) กลายเป็น *แนวรับสำคัญ* หากทะลุต่ำกว่าระดับนี้ อาจนำไปสู่การปรับฐานที่ลึกยิ่งขึ้น นักวิเคราะห์ยังเตือนว่า ฤดูกาลที่มักเป็นช่วงอ่อนตัวของตลาด ประกอบกับการคาดหวังเรื่องการอนุมัติบิตคอยน์ ETF แบบสปอตที่เริ่มชะลอลง อาจส่งผลให้ราคาไหลลงไปยังโซน 100,000–92,000 ดอลลาร์ (ราว 1.39–1.28 ล้านบาท)
ตลาดบางส่วนยังจับตามองการเมือง โดยมี *ความคิดเห็น* ว่า หากประธานาธิบดีทรัมป์มีแนวโน้มกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง ความสนใจทางการเมืองต่อบิตคอยน์อาจเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า “ในระยะสั้น แม้จะมีปัจจัยบวก แต่หากยังไม่สามารถดูดซับแรงขายและคลายความไม่แน่นอนด้านมหภาคได้ ก็ยังยากที่ราคาจะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นแบบยั่งยืน”
แม้จะมีการฟื้นตัวแบบระยะสั้น แต่ *แนวรับของบิตคอยน์ยังคงมีความสำคัญอย่างมากต่อตลาด* ทั้งในแง่ของการชี้ทิศทางระยะกลาง และการประเมินความเสี่ยง หากยังรักษาระดับปัจจุบันไม่ได้ ตลาดก็มีแนวโน้มว่าจะให้น้ำหนักกับโอกาสร่วงลงมากกว่าการดีดตัวในระยะใกล้นี้
ความคิดเห็น 0