บิตคอยน์(BTC) ร่วงหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักไม่ได้มาจากโครงสร้างตลาด แต่เป็นเพราะการ *ขายจำนวนมากของเหล่านักลงทุนรายใหญ่* หรือ ‘วาฬ’ ตามรายงานของนักลงทุนบางกลุ่ม เหตุการณ์นี้ตอกย้ำถึงการเคลื่อนไหวอย่างแตกต่างจากแนวโน้มขาขึ้นของคริปโตตัวอื่น
จากข้อมูลของบริษัทลงทุนด้านคริปโตอย่าง *คอยน์แชร์ส(CoinShares)* เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามี *เงินทุนกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 39,000 ล้านบาท)* ไหลออกจากกองทุน ETP ที่อิงกับบิตคอยน์ ในขณะที่ฝั่งของอีเธอเรียม(ETH) กลับมีกระแสเงินเข้าสูงถึง *2,500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 87,500 ล้านบาท)* ในช่วงเดือนนี้ สะท้อนแนวโน้มการเคลื่อนย้ายการลงทุนอย่างชัดเจน
บริษัทข้อมูลบล็อกเชน *อาร์แคม(Arkham)* และบัญชีวิเคราะห์ข้อมูล *ลุคออนเชน(Lookonchain)* รายงานว่า พฤติกรรมสำคัญจากวาฬรายหนึ่งที่โอน *บิตคอยน์จำนวน 22,769 BTC (ราว 132,000 ล้านบาท)* เข้าสู่กระดานเทรด *Hyperliquid* และทำการขายทันที โดยรายเดียวกันยังได้เข้าซื้อ *อีเธอเรียมจำนวน 472,920 ETH (ราว 123,000 ล้านบาท)* ในรูปแบบสปอตควบคู่กับการเปิด *สถานะ Long อีก 135,265 ETH (ประมาณ 80,200 ล้านบาท)* อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งถูกมองว่าเป็นสัญญาณของความตั้งใจที่จะเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนจากบิตคอยน์ไปสู่อีเธอเรียมโดยตรง
ถึงแม้ตลาดจะอยู่ในช่วงปรับฐาน แต่ทั้งอีเธอเรียมและไบแนนซ์คอยน์(BNB) ยังคง *รักษาแนวรับทางเทคนิคที่สำคัญ* เอาไว้ได้อย่างมั่นคง ซึ่งแสดงถึงความไว้วางใจต่อเหรียญใหญ่บางตัวท่ามกลางแรงกดดันในวงกว้าง
ขณะที่บิตคอยน์ยังคงยืนเหนือ *แนวรับที่ 110,530 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.537 ล้านบาท)* อย่างแข็งแกร่งเพื่อประคองจิตวิทยาตลาด ฝ่ายวิเคราะห์เตือนว่าในภาวะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง แบบนี้อาจจำกัดโอกาสการดีดตัวขึ้นในระยะสั้น นอกจากนี้ตลาดยัง *จับตามองแรงขายเพิ่มเติมจากการเคลื่อนไหวของวาฬ* ที่อาจยังไม่จบลงในเร็ววัน
*ความเห็น*: การถ่ายโอนความสนใจจาก BTC สู่ ETH ในระดับวาฬถือเป็นสัญญาณสำคัญของการสับเปลี่ยนโฟกัสในตลาดคริปโตช่วงนี้ โดยเฉพาะเมื่อลำดับความเชื่อมั่นเริ่มเปลี่ยนมือไปสู่สินทรัพย์ที่มีเทคโนโลยีรองรับด้านอื่นอย่าง DeFi และโครงสร้าง Smart Contract
ความคิดเห็น 0