ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ผู้บริหารของบริษัทไมโครสแตรทจี(MSTR) ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ยังคงเดินหน้าซื้อ ‘บิตคอยน์(BTC)’ อย่างไม่หยุดยั้ง โดยล่าสุดบริษัทได้เข้าซื้อเพิ่มอีก 4,048 BTC ส่งผลให้จำนวนการถือครองรวมพุ่งสูงถึง 636,505 BTC คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 449.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6,240 พันล้านวอน ด้วยราคาซื้อต่อหน่วยเฉลี่ยประมาณ 110,981 ดอลลาร์ (ราว 1.53 ล้านบาท)
เมื่อวันที่ 2 เซย์เลอร์ได้ประกาศผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียส่วนตัว โดยระบุว่าไมโครสแตรทจีได้ทุ่มเงินสะสมรวมกว่า 4.695 พันล้านดอลลาร์ (ราว 65 ล้านล้านวอน) เพื่อลงทุนในบิตคอยน์ โดยมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 73,765 ดอลลาร์ต่อ BTC หรือประมาณ 1.03 ล้านบาท แม้ราคาบิตคอยน์ในปัจจุบันจะยังต่ำกว่า 110,000 ดอลลาร์ แต่บริษัทก็ยังมีผลตอบแทนจากต้นปีจนถึงตอนนี้สูงถึง 25.7% *ความคิดเห็น: บ่งชี้ถึงความมั่นใจในระยะยาวของไมโครสแตรทจีต่อบิตคอยน์*
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน บริษัทจากญี่ปุ่นอย่างเมตาแพลนเน็ต ก็ได้เปิดเผยการซื้อบิตคอยน์ครั้งใหญ่จำนวน 1,009 BTC ด้วยมูลค่ารวม 112 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,560 พันล้านวอน) ทำให้การถือครองทั้งหมดของบริษัทแตะที่ 20,000 BTC สะท้อนถึงแนวโน้มการยอมรับ ‘บิตคอยน์’ ของ *นักลงทุนสถาบัน* ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
นอกจากบิตคอยน์แล้ว ยังมีบริษัทที่เดินหน้าเก็บสะสม ‘อีเธอเรียม(ETH)’ อย่างจริงจัง เช่น ชาร์ปลิงค์ (SharpLink) แพลตฟอร์มด้านกีฬา ซึ่งเพิ่งเข้าซื้อ ETH จำนวน 39,008 เหรียญ โดยมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 4,531 ดอลลาร์ต่อเหรียญ (ราว 630,000 บาท) ในขณะนี้ ชาร์ปลิงค์ถือครองอีเธอเรียมรวมทั้งสิ้น 837,230 ETH มูลค่าประเมินกว่า 3.6 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 5 ล้านล้านวอน
การเคลื่อนไหวของบริษัทเหล่านี้สะท้อนถึงมุมมองที่เปลี่ยนไปจาก ‘เก็งกำไร’ สู่การถือครอง ‘สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์’ โดยเฉพาะเมื่อ ‘ทรัมป์’ มีท่าทีเป็นมิตรต่อสกุลเงินดิจิทัล ก็ยิ่งเสริมให้แนวโน้มการสนับสนุนคริปโตในระดับนโยบายอาจกลายเป็นปัจจัยชี้นำตลาดสำคัญในช่วงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่จะถึงนี้
ความคิดเห็น 0