คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) มีแนวโน้มที่จะถอนฟ้องคดีของ ‘คอยน์เบส(Coinbase)’ ซึ่งส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมคริปโตโดยรวม และอาจทำให้ข้อพิพาททางกฎหมายระหว่าง SEC กับ ‘ริปเปิล(XRP)’ เข้าสู่ช่วงใหม่ของการพิจารณา
เอลีเนอร์ เทอเร็ตต์(Eleanor Terrett) นักข่าวจาก Fox Business วิเคราะห์ว่าคดีของริปเปิลมีความซับซ้อนกว่าคดีของคอยน์เบส เนื่องจากก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ริปเปิลชำระค่าปรับ 125 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นประมาณ 4,500 ล้านบาท เธอระบุว่าผู้พิพากษาอานาลิซา ตอร์เรส(Analisa Torres) จะเป็นผู้ดูแลคดีนี้จนถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2025 และแม้ SEC อาจถอนอุทธรณ์ แต่ก็ต้องแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับค่าปรับดังกล่าว
ในแง่มุมทางกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญบางรายคาดว่า SEC อาจเปิดเจรจาลดค่าปรับกับริปเปิล แต่การดำเนินการใดๆ ต้องได้รับอนุมัติจากผู้พิพากษาตอร์เรสก่อน
ขณะเดียวกัน มีรายงานระบุว่า SEC เตรียมเพิกถอนการฟ้องร้องต่อคอยน์เบส ซึ่งรอการรับรองจากคณะกรรมการ SEC หากได้รับการอนุมัติ จะเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของวงการคริปโต ด้านหัวหน้าฝ่ายกฎหมายของคอยน์เบสเปิดเผยว่า SEC จะลงมติยกฟ้องคดีเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจสร้างผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม
ในหมู่ชุมชนคริปโต มีมุมมองว่าการฟ้องร้องริปเปิลที่ดำเนินมาอย่างยาวนานอาจได้ข้อสรุปในไม่ช้า โดยเฉพาะเมื่อ SEC เพิ่งเริ่มพิจารณากองทุน ETF ที่อ้างอิง XRP ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความจำเป็นในการดำเนินคดีกับริปเปิลอาจลดลง
เจมส์ เซย์ฟาร์ท(James Seyffart) นักวิเคราะห์จาก Bloomberg เสริมว่า หากเทียบกับกรณีที่ SEC เคยปฏิเสธกองทุน ETF ของ ‘โซลานา(SOL)’ ในอดีต การเปลี่ยนแปลงท่าทีล่าสุดอาจช่วยหนุนความเป็นไปได้ในการอนุมัติ ‘XRP ETF’ มากขึ้น ขณะที่เนท เจราซี(Nate Geraci) ผู้ร่วมก่อตั้ง ETF Institute ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจมีผลกระทบสำคัญต่อคดีของริปเปิล
ด้านสจวร์ต อัลเดอรอตี(Stuart Alderoty) หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของริปเปิล เปิดเผยว่า การที่ SEC ยอมรับคำขอ XRP ETF เป็นสัญญาณว่า ข้อพิพาทระหว่างริปเปิลกับ SEC อาจคลี่คลายในเร็วๆ นี้ ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายคาดการณ์ว่า SEC จะมุ่งความสนใจไปที่คดีของ ‘คราเคน(Kraken)’ ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2025 ทำให้คดีของริปเปิลอาจกลายเป็นประเด็นลำดับรองจากนี้
การที่ SEC เตรียมถอนฟ้องคดีคอยน์เบส ส่งผลให้ตลาดจับตาว่าจะมีผลกระทบต่อคดีริปเปิลอย่างไร ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของทั้งสองกรณี
ความคิดเห็น 0