อีเธอเรียม(ETH) กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังจากมียอดขอถอนเหรียญที่รอคิวอยู่บนเครือข่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงประมาณ 2.6 ล้าน ETH คิดเป็นมูลค่าราว 12,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 466,000 ล้านบาท โดยมีระยะเวลารอคิวถอนยาวนานถึง 44 วัน ส่งผลให้เกิดกระแสความกังวลในหมู่นักลงทุนเกี่ยวกับความหนาแน่นของระบบและการดำเนินงานในเครือข่ายอีเธอเรียม
การเพิ่มขึ้นของการขอถอนในครั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากการเคลื่อนไหวของผู้ตรวจสอบเครือข่ายอีเธอเรียม หรือ ‘อีเธอเรียม วาลิดิเตอร์’ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่รับหน้าที่สร้างบล็อกใหม่และตรวจสอบธุรกรรม อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกลุ่มผู้ตรวจสอบเหล่านี้ได้ยื่นขอถอนทรัพย์สินจำนวนมากในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญต่อความมั่นคงและสภาพคล่องของบล็อกเชนอีเธอเรียม 'ความคิดเห็น' หลายฝ่ายจึงเริ่มตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความยั่งยืนของระบบในระยะยาว
ตามข้อมูลจาก ValidatorQueue ปัจจุบันอีเธอเรียมมีผู้ตรวจสอบมากกว่า 1.05 ล้านราย และมีจำนวนเหรียญที่ถูกนำไปสเตกสูงถึง 35.6 ล้าน ETH หรือประมาณ 29.4% ของอุปทานรวมของระบบ นักวิเคราะห์บางรายถึงขั้นเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็น “การถอนตัวของวาลิดิเตอร์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโต” ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของตลาดในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสการถอนเหรียญดังกล่าว ยังพบสัญญาณเชิงบวกจากฝั่งการลงทุนระยะยาว โดยข้อมูลระบุว่า ‘สินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์’ และ ‘กองทุน ETF’ ที่ถือครองอีเธอเรียมมีการเพิ่มขึ้นกว่า 116% ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งสามารถบรรเทาความกังวลเรื่องแรงเทขายจำนวนมาก และแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในระยะกลางถึงยาวของตลาดยังคงมีอยู่
มาร์ตี้ แพร์รี(MartyPary) นักวิเคราะห์มหภาค กล่าวว่า “จำนวนที่รอการถอนสเตกของอีเธอเรียมกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเชิงก้าวกระโดด” พร้อมชี้ว่าโครงสร้างของอีเธอเรียมในปัจจุบันอยู่ในภาวะเปลี่ยนผ่าน จึงจำเป็นต้องจับตาอย่างใกล้ชิดท่ามกลางความผันผวนของตลาด
ความคิดเห็น 0