คณะกรรมการกำกับการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าแห่งสหรัฐ(CFTC) เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 (เวลาท้องถิ่น) ว่ากำลังเดินหน้าศึกษาแนวทางการนำ ‘หลักทรัพย์ค้ำประกันแบบโทเคน(tokenized collateral)’ มาใช้จริง โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาแก้ไขข้อกำหนดและจัดทำโครงการนำร่อง เพื่อสนับสนุนการใช้งานในกระบวนการเรียกหลักประกัน (Margin Call) ของตลาดอนุพันธ์ พร้อมเปิดรับความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งถือเป็นการสานต่อแผนทดลองที่ถูกเปิดเผยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และสะท้อนถึงทิศทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินดิจิทัลของสหรัฐ
หลักทรัพย์ค้ำประกันแบบโทเคนเริ่มได้รับความสนใจในฐานะโซลูชันที่ช่วยให้การชำระราคาแบบเรียลไทม์, การลดบทบาทของตัวกลาง และการเพิ่มประสิทธิภาพของเงินทุน(Capital Efficiency) กลายเป็นจริงมากขึ้น ด้านแครอลีน แฟม(Caroline Pham) รักษาการประธาน CFTC ระบุว่า “เราได้พูดคุยกับผู้นำวงการคริปโตในเวทีฟอรั่มสำคัญ เกี่ยวกับบทบาทของเทคโนโลยีที่สามารถนำพาตลาดอนุพันธ์เข้าสู่ยุคใหม่ โดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนผ่านระบบจัดการหลักประกันไปสู่โลกดิจิทัล ซึ่งบล็อกเชนกลายเป็นหัวใจสำคัญ”
โครงการของ CFTC ยังรวมถึง ‘สเตเบิลคอยน์’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักทรัพย์ค้ำประกันแบบโทเคน แต่ในการเปิดรับความคิดเห็นล่าสุดกลับมีเพียงผู้เล่นรายหลักในตลาดสเตเบิลคอยน์อย่างเซอร์เคิล, ริปเปิล(XRP) และเทเธอร์(Tether) ที่แสดงความเห็นอย่างโดดเด่น แตกต่างจากภาพรวมของข้อเสนอที่ครอบคลุมสินทรัพย์โทเคนหลากหลายประเภท ซึ่งแสดงถึงบางช่วงความเห็นที่อาจยังไม่สอดคล้องกันในอุตสาหกรรม
แนวคิดการใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันแบบโทเคนเป็นประเด็นร้อนที่กำลังเป็นที่สนใจของหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก ทั้งในสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และฮ่องกง ต่างเร่งพัฒนาแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง การเคลื่อนไหวของ CFTC ครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็น ‘หมากกลยุทธ์’ ที่มุ่งจะคว้า ‘บทบาทผู้นำ’ ในศึกการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้การเดินหน้าไปสู่ระบบที่เป็นทางการจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมกล่าวว่า “เมื่อกรอบกฎเกณฑ์มีความชัดเจนมากขึ้น นักลงทุนสถาบันจะกล้าปรับใช้ *สินทรัพย์โทเคน* ในกระบวนการบริหารความเสี่ยง เช่น มาร์จิ้นคอล ได้มากขึ้น” พร้อมเสริมว่า “นี่อาจเป็นหมุดหมายสำคัญที่นำเทคโนโลยีมาสู่การใช้งานจริงในตลาดการเงิน”
ความคิดเห็น 0