บิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่องหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐเผยแพร่เมื่อวันที่ 28 (เวลาท้องถิ่น) โดยราคาปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัดและมีแนวโน้มที่จะ *ทดสอบจุดต่ำสุดในเดือนกันยายน* อีกครั้ง ขณะที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดการซื้อขายวันสุดท้ายของเดือนมิถุนายนด้วยแรงขายหนัก ส่งผลให้ระดับแนวรับหลักถูกกดดันอย่างหนัก
แม้ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ให้ความสำคัญ จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและสอดคล้องกับความคาดหวังของตลาด แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้บิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่าแนวจิตวิทยาที่ระดับ 109,000 ดอลลาร์ หรือราว *1.5 ล้านบาท* ในช่วงระหว่างวัน
แรงเทขายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลยังได้รับแรงหนุนจากกระแส ‘ลดเลเวอเรจ’ โดยรวม ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่นักลงทุนเริ่มลดความเสี่ยงลงท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดการปิดสถานะที่มีการใช้เลเวอเรจสูงแบบเร่งด่วน วิเคราะห์จากแพลตฟอร์ม Material Indicators ระบุว่า “ภายใต้สภาพตลาดที่แรงซื้อยังไม่ฟื้นตัว ระดับแนวรับที่สำคัญอาจเกิดการพังทลายแบบชั่วคราว” ซึ่งเพิ่มโอกาสที่บิตคอยน์จะหลุดลงไปแตะระดับ 100,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ *1.39 ล้านบาท* ในระยะสั้น
ด้านความไม่แน่นอนในนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการกลับมาดำรงตำแหน่งของ**ประธานาธิบดีทรัมป์**ที่อาจเปลี่ยนแปลงท่าทีด้านกฎหมายและการกำกับดูแลวงการคริปโต ซึ่งเป็นปัจจัยแวดล้อมสำคัญต่อทิศทางราคาของบิตคอยน์ในระยะกลางถึงยาว
หากตลาดยังไม่สามารถฟื้นแรงซื้อกลับคืนได้ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ก็อาจนำไปสู่การอ่อนค่าต่อเนื่องของสินทรัพย์ดิจิทัลหลักอื่นๆ ด้วย ทำให้นักลงทุนทั่วโลกควรพิจารณาใช้กลยุทธ์ *การลงทุนแบบอนุรักษนิยม* จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในทางที่ชัดเจนมากขึ้น
ความคิดเห็น 0