กลุ่มการเงินยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น SBI เตรียมสร้างแพลตฟอร์มการชำระเงินรูปแบบใหม่บนเครือข่าย *เอ็กซ์อาร์พี เลเจอร์(XRPL)* โดยมีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มของที่ระลึกดิจิทัลประเภท *NFT* ซึ่งจะมีบทบาทในการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
การริเริ่มนี้มีจุดเริ่มต้นจากบันทึกความเข้าใจ(MOU)ที่ลงนามร่วมกันระหว่าง *เอสบีไอ ริปเปิล เอเชีย* ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของกลุ่ม SBI และบริษัทท่องเที่ยวญี่ปุ่น *โทบุ ท็อป ทัวร์ส(Tobu Top Tours)* ทั้งสองบริษัทตั้งเป้าพัฒนา ‘เศรษฐกิจแฟนคลับในโลกเมตาเวิร์ส’ ซึ่งมีระบบการชำระเงินด้วย NFT เป็นแกนกลาง โดยบริการแรกจะเปิดตัวภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 ทั้งนี้ NFT ที่ใช้จะไม่ใช่แค่ของสะสมธรรมดา แต่ยังสามารถใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน เช่น ใช้เป็นบัตรส่วนลดหรือคูปอง
เอสบีไอ ริปเปิล เอเชียยังวางแผนสร้างระบบนิเวศของการชำระเงินใหม่ที่เปิดโอกาสให้พาร์ตเนอร์สามารถออกโทเคนของตัวเองได้ และการชำระเงินสามารถใช้งานได้ทั้งในด้านที่พัก อาหาร ช้อปปิ้ง และบริการท้องถิ่นในรูปแบบของ NFT บนพื้นฐานของ *เอ็กซ์อาร์พี(XRP)* ระบบนี้ได้รับความสนใจจากวงการว่าอาจกลายเป็น *ยูสเคสใหม่ของระบบการจ่ายเงินด้วย XRPL ที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยว*
มาตรฐาน NFT บน XRPL เริ่มได้รับการพัฒนาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 ด้วยการเปิดตัวของมาตรฐาน *XLS-20* ซึ่งช่วยให้สามารถกำหนดค่าลิขสิทธิ์ได้ พร้อมป้องกันสแปม เพิ่มประสบการณ์การใช้งาน NFT ให้ดียิ่งขึ้น และในเดือนมิถุนายน 2025 ฟีเจอร์ *NFT แบบไดนามิก* หรือ *XLS-46* ก็ถูกเปิดใช้งาน ซึ่งขยายขอบเขตของ NFT ไปสู่แอปพลิเคชันใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเกม การยืนยันตัวตน หรือสมาร์ตทิคเก็ต ทำให้ NFT ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผลงานศิลปะอีกต่อไป
*ความสำคัญของโครงการนี้คือ XRPL ไม่ได้เป็นแค่เทคโนโลยีอีกต่อไป แต่กำลังถูกนำไปใช้จริงในระดับธุรกิจ* โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น ที่นำ NFT มาเป็นแพลตฟอร์มบริการจริง จึงคาดว่า *ภาพลักษณ์และการใช้งานของ XRP และ XRPL จะถูกประเมินค่าในทางบวกมากขึ้น*
กลุ่ม SBI เองก็แสดงจุดยืนแน่วแน่ในเรื่องการขยายโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้คริปโตเป็นฐาน และความร่วมมือกับริปเปิลเป็นหนึ่งในแกนหลักของกลยุทธ์ดังกล่าว ที่ผ่านมาได้นำ XRP ไปใช้กับบริการโอนเงินข้ามประเทศ พร้อมทั้งทดลองใช้งานด้านโทเคนและ NFT อย่างต่อเนื่อง
บรรดาผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมประเมินว่า โครงการนี้อาจกลายเป็น *ต้นแบบของระบบจ่ายเงินแบบบล็อกเชนที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจท้องถิ่น* โดยแท้จริง โดยเฉพาะโมเดลที่ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมผ่านประสบการณ์แบบแฟนคลับ ซึ่งมีศักยภาพในการขยายผลไปยังประเทศอื่นในเอเชีย
กล่าวโดยสรุป *เอ็กซ์อาร์พี เลเจอร์กำลังก้าวสู่บทบาทใหม่ในฐานะแพลตฟอร์มชำระเงินแบบไฮบริดที่ผสาน NFT เข้ากับบริการจริงในชีวิตประจำวัน* แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของระบบนิเวศริปเปิลจากเดิมที่เน้นแค่การโอนเงิน ขยายสู่โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอเนกประสงค์ที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ความคิดเห็น 0