บริษัทซอฟต์แวร์ สแตรทิจี(Strategy) ภายใต้การนำของไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ได้เข้าซื้อ *บิตคอยน์(BTC)* เพิ่มอีก 7,378 เหรียญในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ารวมราว 837.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 11,648 พันล้านวอน โดยมีต้นทุนเฉลี่ยต่อเหรียญอยู่ที่ 113,520 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 157.87 ล้านวอน การเข้าซื้อครั้งนี้ส่งผลให้จำนวนธุรกรรมสะสมในการซื้อบิตคอยน์ของบริษัทแตะที่ 80 รายการแล้ว
การสะสมบิตคอยน์อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงตลาดขาลง ชี้ให้เห็นถึง ‘ความเชื่อมั่น’ ที่ยังมีอยู่ในหมู่สถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ตลาด *กองทุน ETF บิตคอยน์* ก็ยังคงเคลื่อนไหวในเชิงบวก โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา มียอดเงินไหลเข้าสูงกว่า 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,336 พันล้านวอน ซึ่งในจำนวนนั้น บริษัทจัดการสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่อย่างแบล็คร็อก(BlackRock) สามารถทำกำไรจากผลิตภัณฑ์ ETF ของตนได้ถึง 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,614 พันล้านวอน นับตั้งแต่เปิดตัวมาในช่วงสองปีที่ผ่านมา
แม้กระแสของตลาดจะคึกคัก แต่ในแง่ของ *กฎระเบียบ* ภาครัฐกลับแสดงให้เห็นถึงความล่าช้า โดยกระบวนการออกกฎหมายของสภาคองเกรสสหรัฐยังคงติดขัด อีกทั้งในขณะนี้หลายรัฐของสหรัฐอยู่ในช่วงหยุดประชุม อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเคลื่อนไหวในระดับท้องถิ่น กล่าวคือ มีถึง 5 รัฐ รวมถึงวิสคอนซิน ที่ได้ยื่นข้อเสนอทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ *การทำเหมืองบิตคอยน์* และศูนย์ข้อมูล เพื่อจัดระเบียบอุตสาหกรรม
ในอีกด้านหนึ่ง ตลาด *สเตเบิลคอยน์* ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าตลาดรวมในเดือนก่อนหน้านี้พุ่งทะลุ 295,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 410.5 ล้านล้านวอน ซึ่งสะท้อนบทบาทที่เข้มแข็งขึ้นของสเตเบิลคอยน์ในฐานะ ‘ที่เก็บมูลค่าที่มั่นคง’ สำหรับนักลงทุน
แม้ราคาบิตคอยน์จะยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ชัดเจน แต่ทิศทางการลงทุนทั้งจากบริษัทชั้นนำและผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด กลับสะท้อนความเชื่อว่า ‘ตลาดยังถูกประเมินต่ำเกินไป’ ความคาดหวังในวงการยังคงมุ่งไปที่ความเป็นไปได้ที่การอภิปรายเชิงนโยบายเกี่ยวกับคริปโตในสหรัฐ โดยเฉพาะจากบุคคลสำคัญอย่าง ‘ทรัมป์’ และกลุ่มการเมือง อาจจุดกระแสความมั่นใจในระลอกใหม่ของตลาดอีกครั้งในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0