ในตลาดคริปโต การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของราคาและปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น มักมี ‘วาฬ’ หรือกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่อยู่เบื้องหลัง หากเทรดเดอร์สามารถจับสัญญาณของการเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้ก่อน ย่อมเป็นมากกว่าแค่ข้อมูลทั่วไป แต่คือ ‘โอกาส’ ที่แท้จริง ล่าสุด การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) กำลังทำให้กลยุทธ์วิเคราะห์เพื่อรับมือล่วงหน้ากลายเป็นจริง
หนึ่งในกรณีที่น่าสนใจเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2025 เมื่อวาฬบิตคอยน์(BTC) รายหนึ่งขายในปริมาณมหาศาลถึง 24,000 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.7 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.75 ล้านล้านวอน ส่งผลให้เกิด ‘แฟลชครัช’ ที่ทำให้ตำแหน่งเลเวอเรจกว่า 500 ล้านดอลลาร์ต้องถูกชำระบัญชีภายในไม่กี่นาที หากนักลงทุนสามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวนี้ล่วงหน้าได้ ไม่เพียงแค่หลีกเลี่ยงความเสียหาย แต่ยังสามารถเปลี่ยนเป็น ‘โอกาสสร้างกำไรระยะสั้น’
AI มีศักยภาพในการวิเคราะห์ ‘ข้อมูลออนเชน’ ที่ซับซ้อนแบบเรียลไทม์ โดยสามารถคัดกรองธุรกรรมขนาดใหญ่ที่เกินเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และแจ้งเตือนให้แก่ผู้ใช้งานอย่างเฉพาะตัวในรูปแบบของ ‘ฟีดติดตามวาฬ’ ได้ในทันที
หัวใจของการทำงานนี้คือการเชื่อมต่อ ‘Blockchain API’ ผ่านบริการอย่าง Alchemy, Infura และ QuickNode เมื่อลงทะเบียนและได้รับ API Key แล้ว ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่ากฎการกรองจากประเภทของเหรียญ จำนวนการโอน หรือแหล่งที่มา จากนั้นระบบจะตรวจจับธุรกรรมแบบบล็อกต่อบล็อก และแจ้งเตือนทันที ข้อมูลเหล่านี้จะถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลหรือนำไปแสดงผลบนแดชบอร์ดสำหรับวิเคราะห์เพิ่มเติม
แต่ความสามารถของ AI ไม่ได้หยุดแค่การตรวจจับธุรกรรมเท่านั้น กลยุทธ์ ‘วิเคราะห์พฤติกรรมวาฬอย่างละเอียด’ ดำเนินการผ่านเทคนิค Machine Learning ขั้นสูง เช่น การจัดกลุ่ม(clustering) และการวิเคราะห์กราฟเชื่อมโยง ระบบสามารถตรวจพบรูปแบบการกระจายหรือสะสมเหรียญคล้ายคลึงกันจากหลายกระเป๋า แม้ว่าบัญชีเหล่านั้นจะไม่มีความเชื่อมโยงโดยตรงก็ตาม หากพบพฤติกรรมที่คล้ายกัน เช่น มีการเคลื่อนย้ายคริปโตเข้าออกจากกระเป๋าขนาดเล็กชุดเดียวกันเป็นประจำ AI จะสามารถจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันได้
หลังจากนั้น ระบบจะทำ ‘การติดฉลาก’ (labeling) ให้กับกลุ่มเหล่านี้ เช่น กลุ่ม “ถือสะสมระยะยาว” หรือกลุ่ม “โอนเข้าสู่ตลาดแลกเปลี่ยน” ซึ่งจะกลายเป็นอินดิเคเตอร์สำหรับสัญญาณซื้อขายที่สามารถคาดเดาได้ นี่ทำให้นักเทรดสามารถสังเกตกลยุทธ์ของวาฬได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และใช้เพื่อวางแผนซื้อหรือหลีกเลี่ยงความเสี่ยงก่อนที่ราคาจะเปลี่ยนแปลง
แม้การกำกับดูแลด้านการเงินที่เข้มงวดขึ้น ตั้งแต่ช่วงที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยังดำรงตำแหน่ง จะช่วยเพิ่มความโปร่งใสในตลาดคริปโตและการลงทุนจากสถาบัน แต่ธุรกรรมที่ไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการยังคงมีอยู่ ดังนั้น การ ‘ตรวจตราด้วย AI’ กลายเป็นเครื่องมือในการลด ‘ช่องว่างของข้อมูล’ ที่ยังหลงเหลือในตลาด
ท้ายที่สุดแล้ว การใช้ AI ในการติดตามวาฬและคาดการณ์พฤติกรรมการซื้อขาย ไม่เพียงเปลี่ยนเกมให้กับเทรดเดอร์มืออาชีพและนักลงทุนรายย่อยเท่านั้น แต่ยังยกระดับคุณภาพ ‘กลยุทธ์การลงทุน’ ไปอีกขั้น จากเดิมที่เราแค่รู้ว่า ‘ใคร’ ทำธุรกรรม กลายเป็นยุคที่สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ‘ทำไม’ ถึงทำ และ ‘เมื่อไหร่’ จะขยับตัวอีกครั้งด้วย
ความคิดเห็น 0