บิตคอยน์(BTC) พุ่งทะลุจุดสูงสุดใหม่ที่ 126,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.75 ล้านบาท) ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา คิดเป็นการปรับตัวขึ้นกว่า 10% โดยแรงหนุนหลักของการพุ่งขึ้นในครั้งนี้มาจาก ‘กระแสการเข้าซื้อของวาฬ’ อย่างชัดเจน ตามรายงานของนักวิเคราะห์ออนเชน อาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) ระบุว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเพิ่มการถือครองบิตคอยน์มากกว่า 60,000 เหรียญในกระเป๋าที่ถือครองระหว่าง 100 ถึง 1,000 BTC ส่งผลให้ยอดสะสมรวมแตะระดับ 5.11 ล้าน BTC
ในช่วงเดียวกัน ราคาได้ทะยานจากประมาณ 110,000 ดอลลาร์ ไปแตะระดับ 124,500 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการสะสมเหรียญของวาฬ สะท้อนถึงบทบาทการ ‘นำตลาด’ ของนักลงทุนรายใหญ่เหล่านี้ เห็นได้จากกราฟที่แสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของราคากับยอดคงเหลือในกระเป๋าวาฬปรับตัวขึ้นพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุก ‘วาฬ’ จะเลือกเข้าซื้อในช่วงนี้ บางรายที่ถือครองมาก่อนหน้าเริ่มทยอยขายเพื่อทำกำไร โดยจากแผนภูมิแสดงการเปลี่ยนแปลงของวาฬในช่วง 30 วันล่าสุด พบพฤติกรรมการขายชัดเจนในช่วงราคาระหว่าง 110,000–120,000 ดอลลาร์ คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งราคาเคยย่อตัวลงไปถึง 75,000 ดอลลาร์
นักลงทุนในตลาดกำลังจับตาว่าแนวโน้มขาขึ้นรอบนี้จะยืนระยะได้เพียงใด นักวิเคราะห์ CW ระบุว่ามีเงินทุนใหม่ไหลเข้าตลาดจำนวนมาก และวาฬหน้าใหม่มีผลกระทบต่อมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นชัดเจน ในทางกลับกัน วาฬเก่าหลายรายยังคงไม่กระตือรือร้นเท่าเดิม ซึ่ง ‘ความคิดเห็น’ นี้อาจสะท้อนการเปลี่ยนผ่าน ‘อำนาจการควบคุมตลาด’ มาสู่นักลงทุนรายใหม่
ขณะที่บางผู้เชี่ยวชาญใช้สัญญาณทางเทคนิคเตือนถึง ‘ความเป็นไปได้ในการย่อพักตัวระยะสั้น’ โดยบิตคอยน์กำลังทดสอบแนวต้านบนของรูปแบบ “Ascending Wedge” และ RSI แสดงให้เห็นถึงสัญญาณ Divergence ล่าสุด ByzGeneral นักวิเคราะห์หน้าใหม่ กล่าวไว้ว่า “หากราคาไม่พุ่งทะลุในตอนนี้ ก็มีโอกาสสูงที่จะเจอกับการสุ่มตัวในระยะถัดไป”
ตลาดฟิวเจอร์สก็แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนในทิศทางเดียวกัน ดอกเบี้ยคงค้าง (Open Interest) ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ Funding Rate ยังไม่อยู่ในระดับที่ร้อนแรง แต่สะท้อนถึงความต้องการซื้อในตลาด ส่วนสภาพคล่องยังสูงแต่เริ่มเข้าสู่ภาวะนิ่ง ซึ่ง ‘อาจนำไปสู่ความผันผวนที่รุนแรงในอนาคต’
แนวต้านถัดไปอยู่ที่ 128,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.78 ล้านบาท) โดยนักเทรดคริปโตชื่อ Ted ระบุว่าการทะลุแนวต้านนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ร่วมด้วยความเห็นของ Rekt Capital ที่เชื่อว่าราคาน่าจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นรอบใหม่หลังจาก ‘ย่อเพื่อพักตัวรอบที่สอง’ ในวัฏจักรการเคลื่อนไหว
แม้ภาพรวมจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่ "พฤติกรรมที่แตกต่างกันของวาฬ" และ "ระดับแนวต้านทางเทคนิค" เป็นสิ่งที่ควรจับตาอย่างใกล้ชิด ความผันผวนระยะสั้นอาจเกิดขึ้น แต่ก็อาจเป็นเพียง ‘ช่วงพักหายใจในตลาดขาขึ้น’ สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าใครจะเป็นกลุ่มที่เข้าซื้อรายใหญ่ ‘ในจังหวะต่อไป’
ความคิดเห็น 0