โรเบิร์ต คิโยซากิ(Robert Kiyosaki) ผู้เขียนหนังสือชื่อดัง *พ่อรวยสอนลูก* กลับมาแสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของ *อีเธอเรียม(ETH)* อีกครั้ง โดยล่าสุดเขาโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียว่า *อีเธอเรียม* และ *เงิน* เป็นสินทรัพย์ที่มีอนาคตสดใส พร้อมใช้คำว่า “Hot Hot Hot” เพื่อเน้นย้ำความคาดหวังแรงกล้าต่อแนวโน้มราคาในอนาคต
โดยเขากล่าวถึงราคาของ ‘เงิน’ ที่เพิ่งทะลุ 50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ราว 69,500 บาท) และตั้งเป้าหมายต่อไปไว้ที่ 75 ดอลลาร์ หรือประมาณ 104,250 บาท พร้อมเปรียบเทียบ *อีเธอเรียม* ว่าก็เป็น ‘สินทรัพย์ทางเลือกที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนระยะยาว’ เช่นกัน และจัดอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์จริงที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจชัดเจน
ภายในช่วง 7 วันที่ผ่านมา คิโยซากิยังได้พูดถึง *บิตคอยน์(BTC)*, *อีเธอเรียม*, เงิน และทองคำ ว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการสะสมความมั่งคั่ง พร้อมแนะนำให้นักลงทุนปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อป้องกันผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ เขาระบุว่า “เมื่อความเชื่อมั่นต่อเงินตรากฎหมายกำลังถูกสั่นคลอน การถือเงินสดกลายเป็นเรื่องเสี่ยง” และย้ำว่าควรถือครองทั้ง ‘ทรัพย์สินดิจิทัล’ และ ‘ทรัพย์สินจริง’ ควบคู่กัน โดยเฉพาะ *อีเธอเรียม* ที่เขาไม่มองว่าเป็นสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไร แต่เป็น ‘สินทรัพย์ที่เชื่อถือได้ในการลงทุน’
ปัจจุบัน *อีเธอเรียม* มีราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 4,344.84 ดอลลาร์ หรือราว 604,000 บาท โดยแม้ราคาจะมีการปรับตัวเล็กน้อยในระยะสั้น แต่ตลาดยังคงจับตาว่าจะสามารถทะลุระดับ 5,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 695,000 บาท ได้หรือไม่ นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ภายใต้กระแสสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก มีโอกาสที่ *อีเธอเรียม* จะทะลุ 10,000 ดอลลาร์ หรือกว่า 1.39 ล้านบาทในระยะยาว *ความคิดเห็น* ที่น่าสนใจก็คือ ปัจจุบันประมาณ 70% ของผู้ถือครอง *อีเธอเรียม* ได้ย้ายสินทรัพย์ออกจากแพลตฟอร์มเทรดไปเก็บไว้ในกระเป๋าเงินส่วนตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันการขายที่ลดลงและแนวโน้มการถือครองระยะยาวที่แข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน ทีมพัฒนา *อีเธอเรียม* ก็กำลังเร่งพัฒนาและเสริมสร้างความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับเครือข่าย ล่าสุดกับแผนการที่เปิดเผยใน ‘โคฮาคุ’ (Kohaku) ซึ่งเป็นโรดแมปใหม่ที่จะเน้นคุณสมบัติการป้องกันการแฮกและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้งาน ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะวางรากฐานให้กับการเติบโตในระยะยาวของโครงการ
การที่คิโยซากิยังคงเลือก *อีเธอเรียม* เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพสูง ท่ามกลางความกังวลเรื่องเงินฝืดทั่วโลก ส่วนหนึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักลงทุนที่หันมาให้ความสนใจใน ‘ทรัพย์สินทางข้อมูลและดิจิทัล’ แทนการถือครองเงินสดที่กำลังถูกด้อยค่า *อีเธอเรียม* จึงกลายเป็น ‘โทเคนหลัก’ ที่ผสานทั้งเทคโนโลยี ความต้องการตลาด และความเชื่อมั่นจากผู้ถือครองรายย่อยไว้อย่างลงตัว
ความคิดเห็น 0