วาฬอีเธอเรียม(ETH) รายหนึ่งกลายเป็นที่จับตามอง หลังจากโอนอีเธอเรียมจำนวนกว่า *14,275 ETH* หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ *86,900 ล้านบาท* (62.5 ล้านดอลลาร์) เข้า *ไบแนนซ์(BNB)* เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งการเคลื่อนไหวของเงินทุนครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึง *สัญญาณความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ* ในตลาดคริปโต
ตามข้อมูลจาก *ออนเชน* พบว่า กระเป๋าเงินดังกล่าวได้สะสมอีเธอเรียมตั้งแต่ช่วงราคาต่ำเมื่อราวสองปีก่อน โดยเก็บรวมทั้งหมด *64,400 ETH* ที่ราคาเฉลี่ยประมาณ 1,882 ดอลลาร์ต่อเหรียญ หรือราว 2.61 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวม *ประมาณ 121 ล้านดอลลาร์* (หรือประมาณ 16,820 ล้านบาท) ในช่วงเวลาดังกล่าว นักลงทุนรายนี้ยังได้นำอีเธอเรียมไปสเตกทันทีที่เครือข่ายเปลี่ยนผ่านเป็นระบบ *การพิสูจน์โดยใช้จำนวนเหรียญ(PoS)* ซึ่งสร้างโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว
ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 นักลงทุนรายนี้ได้ทยอยขายอีเธอเรียมออกในแต่ละรอบของตลาดขาขึ้น และเมื่อรวมกับการโอนเข้าไบแนนซ์ล่าสุด เขาขายไปแล้วทั้งหมด *23,365 ETH* ที่ราคาเฉลี่ย *4,179 ดอลลาร์* หรือประมาณ 5.81 ล้านบาทต่อเหรียญ เทียบเป็นรายได้ราว *97.6 ล้านดอลลาร์* หรือประมาณ 13,580 ล้านบาท ส่งผลให้ได้กำไรมากกว่า *สามเท่าจากเงินลงทุนเริ่มต้น* อย่างน่าประทับใจ
แนวโน้มของตลาดก็เอื้ออำนวยให้กับการทำกำไรดังกล่าว โดยนักวิเคราะห์เทคนิคคาดว่าอีเธอเรียมซึ่งเคยพุ่งทะลุ 4,400 ดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา อาจมีแนวโน้มทรงตัวระหว่าง 4,000 ถึง 3,850 ดอลลาร์ เนื่องจากปริมาณซื้อขายลดลงและค่าดัชนี RSI แสดงสัญญาณเป็นกลาง ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงพฤติกรรมการขายของนักลงทุนรายใหญ่เช่นเดียวกับเคสนี้ได้เป็นอย่างดี
ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญแตกออกเป็นสองทาง บ้างมองว่าเป็นเพียงกลยุทธ์ทำกำไรระยะสั้น ขณะที่อีกฝ่ายมองว่าเป็นสัญญาณของ *การกระจายความเสี่ยงในตลาด* อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ กรณีนี้แสดงให้เห็นว่า *การถือครองในระยะยาว ร่วมกับการเลือกจังหวะขายที่เหมาะสม สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าทึ่ง* ได้จริง สำหรับนักลงทุนทั่วไป นี่คือบทเรียนเกี่ยวกับการจับจังหวะการเข้าซื้อและขายให้สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดอย่างแม่นยำที่สุด
ความคิดเห็น 0